นิทานพื้นบ้านภาคใต้ เรื่องหนูกัดเหล็ก (ยะลา) เป็นนิทานสอนใจ นิทานเตือนใจ แฝงคติข้อคิดดีๆ เกี่ยวกับการ¬ใช้ชีวิตและการคบเพื่อน อ่านได้ทั้งเด็กและผู้ใหญ่ สามารถเล่าเป็นนิทานเด็ก นิทานก่อนนอนสอนใจลูกน้อยได้ดี
เรื่อง หนูกัดเหล็ก
ครั้งหนึ่งนานมาแล้ว มีเศรษฐีคนหนึ่งมีลูกชายเป็นคนไม่รักดี …ได้แต่ใช้จ่ายทรัพย์เที่ยว กิน เล่น เลี้ยง เพื่อนฝูง ไม่นึกทํามาหากิน พ่อแม่จะว่ากล่าวตักเตือนอย่างไร ก็ไม่เชื่อฟัง… ในที่สุดเศรษฐีก็ตรอมใจตาย …แต่ก่อนตายได้เอาเงินกับทองใส่ตุ่มอย่างละตุ่มฝังไว้ …และด้วยความดีที่ ได้กระทํามาส่งผลให้เศรษฐีไปเกิดเป็นเทวดา
ฝ่ายลูกเศรษฐี เมื่อพ่อแม่ตายแล้วก็ยิ่งกําเริบ …ใช้เงินเลี้ยงเพื่อนเที่ยวเตร่เสเพล …ไม่นานเงินก็หมด เพื่อนฝูงที่เคยล้อมหน้าล้อมหลังก็หายหน้าไปทีละคน …อยู่มาวันหนึ่งเพื่อนชวนไปกินเลี้ยงกันตามเคย โดยสั่งลูกเศรษฐีตกยากว่าถ้าคิดจะไปกินเลี้ยง ก็ให้เอาไก่ไปร่วมในการกินเลี้ยงด้วยหนึ่งตัว …ลูกเศรษฐีอยากกินเลี้ยงมากถึงแม้จะไม่มีเงินแล้ว ก็ยังขวนขวายหาไก่ได้ตัวหนึ่ง …จึงจัดการลวกน้ำร้อนถอนขน แล้วผูกห่อใบตองเตรียมที่จะไปร่วมงานกินเลี้ยง
ครั้นเดินมาตามทาง เพราะความเหนื่อย …จึงแวะพักใต้ต้นไม้ข้างทางแล้วม่อยหลับไป …บังเอิญมีอีกาตัวหนึ่งเกาะอยู่บนต้นไม้นั้น ได้กลิ่นเนื้อโชยมาจากใบตอง จึงบินโฉบลงมาคาบห่อใบตองไป …เขาจึงต้องไปงานกินเลี้ยงมือเปล่า …พอถึงบ้านเพื่อนที่นัดกินเลี้ยงก็เล่าให้เพื่อนฟัง ….แต่ไม่มีใครเชื่อในคําพูดของเขาเลย ต่างคิดว่าเขาคงไม่มีปัญญาหาไก่มาจึงกุเรื่องแก้เก้อ …แถมยังพูดจาเยาะเย้ยถากถางว่า “ไม่มีปัญญาหาไก่มา แล้วยังไปโทษอีกาอีก” …ลูกเศรษฐีทั้งเจ็บทั้งอาย ตัดสินใจไม่ร่วมวงกินเลี้ยงด้วย รีบเดินทางกลับบ้าน …เมื่อถึงบ้านแล้วก็ยังน้อยใจไม่หาย นึกถึงความหลังที่ตนมั่งมีเงินทอง ผู้คนล้อมหน้าล้อมหลัง …เสียใจกินไม่ได้ นอนไม่หลับ ร่างกายก็ผ่ายผอมลง
ฝ่ายเทวดาพ่อแม่ เห็นอาการของลูกก็อดสงสารเสียมิได้ …จึงมาเข้าฝันลูกว่า “นั่นแหละลูกเอ๋ย เมื่อพ่อแม่ยังอยู่ก็ได้สอนเจ้านักหนาเรื่องการใช้เงินทอง เมื่อยามลําบากยากจน ใครเขาจะมานับถือ พูดจริงก็เป็น หลอกไปได้ ขอให้เจ้ารู้สึกตัวและทําตัวเสียใหม่ พ่อแม่จะช่วย” ในฝันนั้นเองลูกเศรษฐีก็คิดได้ …จึงสัญญากับพ่อแม่ว่า “ต่อไปจะเลิกความประพฤติเดิมจะตั้งใจทํามาหากิน เลี้ยงตัวให้มีเงินพอที่จะไม่ให้ใครมาดูถูกได้อีกต่อไป” …เมื่อเทวดาพ่อแม่ได้รับคําสัญญาจากลูกเช่นนั้นก็พอใจยิ่งนัก เมื่อลูกสัญญาว่าจะกลับตัวเป็นคนดี …จึงได้บอกที่ซ่อนตุ่มเงินและตุ่มทองให้ในฝันนั้นเอง …พอตื่นขึ้นมาลูกเศรษฐีก็รีบไปขุดหาตุ่มเงินตุ่มทอง ก็พบจริงตามฝัน …จึงนําเงินในตุ่มมาทําทุนตั้งหน้า ตั้งตาทํามาหากิน …ไม่นานก็กลับฟื้นตัวพอมีฐานะขึ้นอีก เพื่อนที่เคยหนีหาย ก็เริ่มกลับมาคบหาเพิ่มขึ้นทุกวัน …ลูกเศรษฐียังจําวันที่เพื่อนฝูงเยาะเย้ยได้ไม่ลืม
วันหนึ่งลูกเศรษฐีเห็นได้โอกาส จึงชวนเพื่อนมากิน เลี้ยงกันอีกเหมือนเมื่อยังร่ำรวยหนก่อน …เพื่อนฝูงต่างก็มากันพร้อมหน้าพร้อมตา …ขณะที่กินเลี้ยงอย่างครึกครื้นเฮฮาอยู่นั้น …ลูกเศรษฐีได้นํามีดเหี้ยนๆ เล่มหนึ่งมาให้เพื่อนดู …พลางพูดขึ้นว่า “อัศจรรย์จริงๆ มีดเล่มนี้เพิ่งซื้อมาใหม่ๆ แท้ๆ ทิ้งไว้คืนเดียวหนูมากัดเสียจนเหี้ยนหมดเหลือเท่านี้เอง”
…เพื่อนฝูงทั้งหลายเมื่อได้ยินก็รับคําเชื่อตามคําพูด บางคนก็ประสมโรงพูดว่า “จริงเหมือนเพื่อนว่าหนูมันร้ายนัก มีดของเราก็เคยโดนเหมือนกัน เหี้ยนเหมือนอย่างนี้ไม่มีผิด” เพื่อนคนอื่นก็พูดว่า “ใช่ ๆ” คนละคํา สองคํา …ลูกเศรษฐีเมื่อได้ยินดังนั้น …ก็คิดได้ว่า “ยามเมื่อเรายากจนคนดูถูก ถ้อยคําที่พูดไม่มีน้ำหนัก ถึงพูดความจริงก็ยังไม่มีคนเชื่อ แต่เมื่อยามมั่งมีเงินทอง จะพูดอย่างไรจริงหรือเท็จไม่สําคัญ คนย่อมยอมรับเชื่อถือ”
Credit: www.karn.tv/story/141-tale_thai_141