นิทานเซนเรื่อง ผู้รับ…ผู้ให้ เป็นนิทานเรื่องสั้น อ่านสนุกให้แง่คิดสอนใจได้ทุกเวลาหรืออ่านก่อนนอนก็ได้ ถ้าเปรียบเหตุการณ์ในเรื่องนี้คือตัวของคุณเอง คุณจะมีมุมมองความคิดแตกต่างไปจากตัวละครในเรื่องนี้หรือไม่ เราไปรับชมพร้อมกันเลย!!
นิทานเซนเรื่อง ผู้รับ…ผู้ให้
อูเมชุ ซิบิ เป็นพ่อค้าผู้มั่งคั่งแห่งเมืองเอโดทราบว่าท่านอาจารย์เซอิเซตสุมีความประสงค์จะขยายศาลาโรงธรรมเพราะที่มีอยู่เดิมคับแคบไม่พอกับผู้ที่มาฟังธรรม…อูเมชุ ซิบิ จึงตกลงใจที่จะเป็นผู้บริจาคปัจจัยเพื่อเป็นค่าก่อสร้างเสียเองเป็นจำนวนเงินถึง 500 เหรียญทอง ซึ่งในสมัยนั้นนับว่ามากที่สุดแล้ว เพราะว่าเงินเพียง 3 เหรียญทอง ก็สามารถใช้สอยอยู่กินได้ตลอดปีแล้ว…ท่านพ่อค้าได้หิ้วถุงเงินเข้าไปหาท่านอาจารย์ แล้วน้อมถวายบอกความประสงค์ให้ทราบ…ท่านอาจารย์ก็กล่าวแต่เพียงว่า “ดีแล้ว อาตมาจะรับไว้” แล้วก็นั่งนิ่งเงียบ………
อูเมชุ ซิบิ นั่งรอ…ด้วยหวังว่าท่านอาจารย์คงจะกล่าวอนุโมทนาและอวยพรให้ตนโชคดีทำมาค้าขึ้นต่อๆไป…แต่เห็นท่านอาจารย์ก็ยังคงนั่งนิ่งเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น…จึงนั่งกระสับกระส่ายฟุ้งซ่านต่างๆนานา แหมเงินตั้ง 500 เหรียญทอง เชียวนะ ท่านอาจารย์ไม่เห็นกล่าวอนุโมทนาเลยสักนิด…คิดแล้วก็ทำใจกล้ากราบเรียนว่า “หลวงพ่อครับ เงินในถุงใส่ไว้ครบ 500 เหรียญเลยครับ”
…“เมื่อครู่เธอบอกแล้วไม่ใช่เหรอ?” หลวงพ่อตอบ
ท่านพ่อค้ายิ่งตีสีหน้าไม่ถูกนั่งนิ่งกันไปอีกพักใหญ่…ท่านพ่อค้าก็เลยตัดสินใจอีกครั้งกล่าวเลียบเคียงให้หลวงพ่อโมทนาให้พร…“หลวงพ่อครับ เงินจำนวน 500 เหรียญทองนี่ แม้ผมจะค้าขายใหญ่โตก็ยังรู้สึกว่ามันมากอยู่นะครับ”
…“เธออยากให้ฉันขอบใจเธอใช่หรือเปล่าล่ะ?”หลวงพ่อเดาใจ
…“ครับ นิดหนึ่งก็ยังดีครับ”พ่อค้าตอบอย่างดีใจ
…“ทำไมต้องให้ฉันขอบใจด้วยล่ะ…ผู้ใดเป็นผู้ให้ทาน ผู้นั้นต่างหากที่ควรจะขอบใจนะ”
ท่านอาจารย์เซอิเสตสุตอบ…แล้วนิ่งเงียบอีก!!
ถ้ามองอย่างสามัญแล้วเมื่อมีการให้…ย่อมอยากได้รับการตอบสนองกลับบ้าง…ความจริงการให้หรือการทำบุญนั้น…เป็นอุบายอย่างหนึ่งในการเสียสละและที่สำคัญคือการทำลายความยึดมั่นว่าตัวกูของกูไปให้ได้หรือให้เบาบางลงไปก็ยังดี แต่จะมองเห็นกันหรือไม่ก็เท่านั้นเอง.
“จงฝึกเป็นผู้ให้…โดยไม่คิดจะจำ”
โปรดอย่าลืมว่าการให้ไม่ได้จำกัดแค่เฉพาะการให้สิ่งของ แต่ ”การให้“ ครอบคลุมไปถึง การให้ความรัก การช่วยเหลือ การแบ่งปัน และอื่นๆ อีกมากมาย เมื่อไรก็ตามที่เพื่อนๆ สามารถให้โดยไม่หวังสิ่งตอบแทนได้อย่างแท้จริง คุณก็จะสามารถใช้ชีวิตได้อย่างมีความสุขมากขึ้นจริงๆ เมื่อเป็นผู้ให้แล้วก็ควรวางใจให้ถูกต้องด้วย… …เมื่อเราคิดได้แบบนี้ เราก็จะเลิกผูกความคาดหวังไว้กับคนอื่น เพราะทั้งหมดที่เราทำ เราทำเพราะเราได้ประโยชน์ (และคนอื่นก็ได้ประโยชน์ด้วย) แต่ถ้าเรายังมีความแอบหวัง อยู่ในใจลึกๆถึงสิ่งตอบแทนอยู่…นั่นคงไม่ใช่ “การให้โดยไม่หวังสิ่งตอบแทนอย่างแท้จริง” แล้วล่ะ!! (^^) แล้วคุณล่ะ!! อยากจะเป็นผู้รับ หรือผู้ให้…..?? ……………………….. เรียบเรียงข้อมูล : nitanstory.com
หวังผลตอบแทน คือการสร้างความคาดหวังขึ้นมาในใจที่ไม่ว่าจะเป็น …หวังให้คนตอบแทนความดีกลับ หวังให้คนชื่นชมชมเชย หวังแค่ให้เขาขอบคุณเราบ้าง หวังแค่ว่าอย่างน้อยๆ คนเห็นความดีเราบ้างก็พอ หรือบางครั้งก็แอบรู้สึกอยากได้อะไรกลับมาบ้างอยู่ดี
…ซึ่งสิ่งเหล่านั้น…ก็ล้วนแล้วแต่เป็นการหวังผลตอบแทนทั้งสิ้น …เมื่อไม่เป็นไปตามที่คุณคาดหวัง คุณก็จะรู้สึกผิดหวัง เสียใจ…ไม่มีความสุข
แท้ที่จริงแล้วการให้ คือการเสียสละของที่เรามีออกไปเพื่อให้เป็นประโยชน์ต่อผู้อื่น และรวมถึงการ ลด ละ สละอัตตาตัวตน ตัวกู-ของกูภายในจิตใจของคุณ ให้ลดน้อยลงด้วย
เมื่อเรากำลังจะให้…ให้เราคิดว่าสิ่งที่กำลังจะทำทั้งหมดคือ “เราทำเพื่อตัวเราเอง” สั้นๆ แค่นี้เองเลย.
ตัวอย่างเช่น
– ถ้าเรากำลังจะให้ชองขวัญเพื่อน ก็แค่คิดว่า…เราให้เพราะเราอยากให้เพื่อนมีความสุข
– ถ้าเรากำลังจะช่วยเพื่อนถือของหนักๆ ก็แค่คิดว่า …เรากำลังจะออกกำลังกาย
Photo Credit: เพจมูลนิธิปิดทองหลังพระ สืบสานแนวพระราชดำริ, nitanstory.com, Credit: dhammajak.com, blockdit.com/posts/5f7ee1569f51210cca60fab6