Nitan Story
นิทานพื้นบ้านภาคเหนือ ตำนานปรัมปราเรื่อง ปู่แถน ย่าแถน
ตำนานเรื่องเล่า นิทาน นิทานก่อนนอน นิทานคุณธรรม นิทานพื้นบ้าน นิทานเด็ก

นิทานพื้นบ้านภาคเหนือ ตำนานปรัมปราเรื่อง ปู่แถน ย่าแถน

นิทานพื้นบ้านภาคเหนือ ตำนานปรัมปราเรื่อง ปู่แถน ย่าแถน เป็นนิทานเก่าแก่ที่คนเฒ่าคนแก่เล่ากันมาจนถึงปัจจุบันนี้ที่ให้คติสอนใจเกี่ยวกับหลักธรรมคำสอนที่ว่า ทำดีได้ดี ทำไม่ดีย่อมได้ผลไม่ดี เรื่องราวที่กล่าวถึงชายหนุ่มสองคนได้ไปพบปู่แถนย่าแถนที่ท่านเป็นเทพอยู่ในพิภพโลก แต่จากผลบุญที่ทำมาในอดีตจึงส่งผลให้ชะตาชีวิต ความรัก และฐานะการเงินความเป็นอยู่แตกต่างกัน แล้วชายหนุ่มทั้งสองนั้นเคยทำบุญ-บาปใดมาจึงได้รับผลบุญเช่นนั้น เรื่องราวจะเป็นอย่างไร ไปติดตามรับชมพร้อมกันเลยค่ะ^^

นิทานพื้นบ้านภาคเหนือ ตำนานปรัมปราเรื่อง ปู่แถน ย่าแถน

ปู่แถนย่าแถนนี้เป็นเทพองค์หนึ่ง คืออยู่ในพิภพโลกเรา ไม่ใช่อยู่บนสวรรค์ชั้นฟ้าอะไร ปู่แถนนี้ก็อยู่ในถ้ำแห่งหนึ่ง ถ้ำนั้นวิจิตรด้วยแก้วเจ็ดประการ งามหาที่สุดไม่ได้ ทีนี้ปู่แถนจะเป็นผู้แบ่งบุญแบ่งบาปแบ่งกรรมก่อนที่คนจะลงมาเกิด จะต้องไปรับเอาที่ถ้ำแก้วเจ็ดประการนั้น ใครที่สร้างบุญสร้างบาปมาก็จะไปรับเอาที่นั่น ปู่แถนย่าแถนมีหน้าที่จำหน่ายจ่ายแจกแบ่งบุญบาปแบ่งกรรมให้

เรื่องมันก็มีอยู่ว่า…ชายสองคนพ่อแม่ตายมาตั้งแต่ยังเล็กๆ ทีนี้ก็อยู่ด้วยกันมารับจ้างเลี้ยงวัวเลี้ยงควาย จนอายุได้ ๒๐ ปี ทั้งสองคนนั้นก็มาเจรจากันว่า “เอ้อ เราเกิดมาพ่อแม่ก็ไม่มี เข้าของมรดกอะไรก็ไม่มี เกิดมาทุกข์ยากแท้หนอ เราจะทำอย่างไรกันดี ยิ่งคิดก็ยิ่งน้อยใจตัวเองเนาะ”
อีกคนหนึ่งก็ว่า “โอ ปล่อยไปตามเรื่องตามราวมันเถอะ”
อีกคนก็ว่า “อยู่ไปอย่างนี้ไม่ได้ อายบ้านอายเมืองเขา เขามีกันเราไม่มี”

ทีนี้ชายคนที่คิดหนักนั้น ตกกลางคืนมาก็แอบหนีเข้าป่าเป็นเวลานานมาก จนชายผู้นี้ไม่รู้วันเวลาว่าเปลี่ยนไปถึงไปไหนยังไงแล้ว เขาก็ได้แต่เดินทางไปเรื่อยจนไปถึงถ้ำทองที่หนึ่ง ซึ่งเป็นที่สถิตอยู่ของปู่แถนหรือท้าวพระยาแถน ชายหนุ่มก็เห็นฉัพพรรณรังสีรัศมีแห่งแสงแก้วเจ็ดประการนั้นงามตา จึงได้เดินเข้าไปดูให้รู้ว่าเป็นแสงอะไร “ไหนๆ กูก็จะมาตายละไม่กลับไปอีก ถึงเสือจะกินช้างๆจะกิน หมีๆจะกิน ช้าง กูก็ไม่กลัว กูยอมตายละ ขอเข้าไปเห็นให้มันถึงซักทีซิ”

มันก็เดินเข้าถ้ำไป ถ้ำนั้นเป็นที่เจริญหูเจริญตา พื้นปูด้วยพรมประดับด้วยแก้วเจ็ดประการ ผนังประดับประดาไปด้วยแก้วทั้งเจ็ดประการ ชายหนุ่มก็เดินไปพบกับพระยาแถนที่นั่งอยู่บนบัลลังก์แก้ว เมื่อชายหนุ่มเห็นดังนั้นเขาจึงยกมือขึ้นไหว้พระยาแถนแล้วกล่าวว่า “ข้าแด่ท่านผู้เจริญ ท่านเป็นใครมาจากไหน ท่านมาทำอะไรอยู่ที่นี่เหรอ” พระยาแถนก็ว่า “เอ่อ เรานี้ชื่อว่าท้าวพระยาแถน พระพรหมส่งให้เรามาอยู่นี่ เราเป็นผู้แบ่งบุญแบ่งบาปแบ่งกรรมให้คนที่จะไปเกิดในโลกมนุษย์ ไปเกิดเป็นคนจะต้องมาจากที่นี่ไป”

พระยาแถนนี้หากว่าใครจะไปเกิดนั้น ท่านจะขีดเส้นบนมือทั้งสองของผู้ที่จะไปเกิดยังโลกมนุษย์ หมอโหราจารย์ทั้งหลายก็จะดูที่เส้นบนมือคนเรานี้แล้วกทำนายทายทักไปตามนั้น ทีนี้ชายคนนั้นก็ถูกถามว่า “เรามาที่นี้เคืองใจอะไรรึเปล่า” ชายหนุ่มกล่าวว่า “ไหว้สาเจ้า ข้าอยู่ในโลกมนุษย์นั้นทำอะไรต่างๆ นานา ก็ไม่มีไม่เจริญรุ่งเรืองเหมือนกับคนอื่นเขาข้าก็อยากจะรู้ว่ามันเพราะสาเหตุอันใด ข้าก็หมายจะมาตายให้รู้แล้วรู้รอดไป”

พระยาแถนก็ว่า “ช้าก่อนใจเย็นๆ ไว้ ข้านี้เป็นท้าวแถนที่จะประสิทธิ์ประสาทพรให้ แต่ว่าจะประสิทธิ์ประสาทให้นั้น คนที่ได้รับพรจะต้องได้สร้างบุญกุศล สร้างคุณงามความดีมาแต่ชาติปางก่อนจึงจะได้สำเร็จ ไม่ใช่ว่าคนทุกข์เลี้ยงให้สุข คนสุขเลี้ยงให้ทุกข์อย่างนี้ไม่ใช่ เจ้ามีความประสงค์อันใดบ้าง”
“เออ….. ข้านี้ก็…. หนึ่งขอให้ได้เป็นมหาเศรษฐีมีเงินทองช้างม้าเหมือนเศรษฐีทั้งหลาย และสองขอให้ได้ลูกได้เมียที่งาม เท่านี้ก็พอละ”
“เอาเท่านี้หรือ…”

ทีนี้ท้าวพระยาแถนก็สร้างเมียก่อน ท่านก็เอาด้ายสามสิบสองเส้น แต่ละเส้นมีสามสิบสองสีเอาผูกรวมกัน เอาด้ายแต่ละเส้นไปผูกข้อมือนางต่างๆไว้ในถ้ำไม่ให้เห็น ด้ายแต่ละเส้นนี้มัดข้อมือนางต่างๆ เอาไว้ นางงามที่สุดก็มี ไม่งามก็มี ฟันหลุดร่วงก็มี เฒ่าแก่ก็มี แล้วท่านก็บอกชายหนุ่มว่า “ถ้าว่าเจ้านี้มีบุญมาก่อนก็จะได้เลือกเอาว่าจะได้เมียงามหรือไม่ แต่ละเส้นจะมีนางต่างๆ อยู่ คนงามนั้นมีเพียงหนึ่ง เราให้เวลาเลือกสามวัน”
ชายหนุ่มก็เลือกเอาเต็มที่ ครบสามวันก็เอามาเส้นหนึ่ง พระยาแถนก็บอกว่า
“ให้เจ้าสาวเดินตามด้ายนี้ไปนะ”
ชายหนุ่มก็สาวเข้าไปเรื่อยๆ ไปพบกับนางผู้หนึ่ง เป็นนางงามหาที่เปรียบไม่ ได้ ท้าวแถนก็กล่าวว่า
“อันนี้ตัวโบราณกรรมนะ อันชาติที่แล้วได้รักษาศีลห้าศีลแปดจะได้เมียงาม เอ่อ ได้เมียงามแล้วนะ หยังเหลือข้าวของสมบัติ”

ท้าวแถนก็เอาเครื่องชั่งมา “เอ้า…เจ้าขึ้นชั่งน้ำหนักซิ เจ้ามีน้ำหนักเท่าไหร่ เราจะเอาให้เท่านั้นนะ” ชายหนุ่มก็ขึ้นชั่ง พญาแถนก็คิดคำนานดูว่าเท่าไหร่แล้วก็บอกกับชายคนนั้นว่า “โอ ข้าวของที่เราเก็บไว้ห้าพันพรรษา เราก็จะได้มอบให้เจ้า เจ้านี่ชาติก่อนได้สร้างบุญไว้มากมายนัก ชาตินี้เจ้ามาขนเอาของๆ เจ้ากลับไป” ชายหนุ่มคนนี้ก็ขนทรัพย์สมบัติกลับไปบ้านตนเองพร้อมกับจูงเมียสาวงามกลับไปด้วย ทีนี้สหายสนิทก็มาหาชายคนนี้ที่บ้าน ก็มาเห็นทรัพย์สมบัติพร้อมกับเมียที่งดงามก็เลยเอ่ยถามเพื่อนตนว่า “นี่สหาย เจ้าไปเอาทรัพย์สมบัติช้างม้าวัวควาย ทรัพย์สิ่งของเหล่านี้มาจากไหน พร้อมกับได้สาวงามปานนางฟ้านี้ได้มาอย่างไร“

ชายหนุ่มก็บอกตามที่เป็นมานั้น สหายของชายหนุ่มก็ไปที่ถ้ำทองท้าวแถนอยู่นั้น มันก็ไปหาพระยาแถนทำเหมือนที่สหายของตนนั้นบอกทุกอย่าง พระยาแถนก็บอกว่า “เออ มีแก้วแหวนแสนสิ่งให้ แต่ว่าการที่จะให้นั้น สุดแต่เจ้านั้นได้สร้างวาสนามานะจะให้มากให้น้อยนั้นเราไม่รู้แล้วแต่บุญที่เจ้าทำมาตั้งแต่ชาติปางก่อนนะ เอ้า…จะเอาอะไรก่อน”
“ผมจะเอาเมียก่อนครับ”

พระยาแถนก็เอาด้ายมาให้เลือกชายคนแรก ชายคนที่สองก็เลือกเอาอย่างจริงจังจนครบสามวัน ชายคนที่สองนั้นก็สาวด้ายมาดู ชายคนที่สองนั้นถึงกับตะลึงในความงามของนางอย่างหาที่สุดไม่ได้ ทั้งฟันเหยินแถมบางซี่ร่วงด้วย ผิวนั้นเหมือนกับน้ำป่าที่ไหลหลากจากดอยและเหลือซากเอาไว้ ขาทั้งสองข้างไม่เท่ากันอีกต่างหาก ตาของนั้นเป็นประกายวาวแววแต่ตาดำทั้งสองข้างมารวมกันที่หัวตา หูดั่งช้างสาร รูจมูกเหมือนกับถ้ำ คูหาทองแห่งนี้ที่กว้างโอ่โถง อ้วนต่ำเนื้อแน่นเหมือนโคถึก ชายคนที่สองนี้หันมาหาพระยาแถนทันทีแล้วกล่าวว่า “ทำไมของเพื่อนผมนั้นถึงสวยปานนางฟ้าอย่างนั้นนะ”
“อันนั้น เขาได้รักษาศีลห้าศีลแปด เขาได้เมียงามเขามีวาสนาดี ส่วนเจ้ามันมาเท่านี้แหละ อันนี้ตัวโบราณกรรมของเจ้า ชาติก่อนเจ้าได้ถวายทานข้าวเย็นแกงบูดมา พวกเจ้าได้มาเจอกันก็ยอมรับกันไปเสียเถอะ”

“แล้วเงินทองละท่าน”
“จะเอาเงินทองด้วยหรอ…”
พญาแถนก็ให้ชายคนนี้ขึ้นนั่งบนตาชั่งแล้วก็เอาแก้วแหวนเงินทองเข้าถ่วงอีกด้าน เมื่อเอาแก้วแหวนเงินทองขึ้นว่างเครื่องชั่งก็เด้งอีกด้านขึ้นชายคนนี้เกือบจะกระเด็น เมื่อพญาแถนถ่วงดูน้ำหนักอย่างนั้นแล้วก็เอาทองแก้วแหวนออกทีละนิดเพื่อที่จะได้ถ่วงและสมดุล
กันกับชายคนนี้ หยิบออกๆ จนพญาแถนเอ่ยขึ้นว่า
“โอ้ ทำไมมันเบาเช่นนี้”
“ทำไมเราได้ทรัพย์สินเงินทองน้อยๆๆๆๆๆๆ จังละท่าน เพื่อนของเรานั้นทำไมมันได้มากๆๆๆๆ ขนาดนั้นละ ท่านลำเอียงรึเปล่า”

“เจ้านี่เมื่อชาติปางก่อนนั้นไม่ได้สร้างคุณงามความดี ไม่ทำตนให้เป็นประโยชน์กับบ้านเมือง ไม่ทำบุญเข้าวัดเข้าวาฟังพระธรรมคำสอน เห็นแก่ตัว ชอบลักขโมยของคนอื่นเขา ลักเล่นชู้สู่เมียท่าน ส่วนของเจ้าที่ได้นั้น เอ้า…เอาไปทองคำได้เท่าบุญที่เจ้าสั่งสมมานะขนาดเท่าเม็ดผักกาด”

นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า
1. เห็นคนอื่นมั่งมี…ก็อย่าได้อย่าโลภเอาของเขา
2. เห็นคนอื่นตกต่ำ…ก็อย่าได้ดูหมิ่นดูแคลนเขา
3. “เราทำดีย่อมได้ดี ทำไม่ดีย่อมได้รับผลไม่ดีเสมอ”…ทำกรรมสิ่งไดไว้ทั้งคิด พูด และลงมือทำ ทั้งสิ่งที่ดีและไม่ดี สุดท้ายแล้วไม่ช้าหรือเร็วย่อมได้รับผลแห่งกรรมคือการกรทำนั้นเสมอ คือสอนเราในเรื่องกฎแห่งกรรมนั่นเอง ทำดีย่อมได้ดี ทำชั่วย่อมได้ชั่ว ไม่ช้าหรือเร็วย่อมได้รับผลแห่งการกระทำนั้นแน่นอน เปรียบเหมือนดั่ง เราหว่านพืชเช่นใด…ย่อมได้รับผลเช่นนั้น เช่น หว่านพืชต้นกล้วย…จะเติบโตเป็นพืชต้นทุเรียนก็เป็นไปไม่ได้แน่นอน…ขอให้เชื่อมั่นในการละความชั่ว หมั่นทำความดีอยู่เสมออย่าได้ขาด… ”จิตใจอย่าได้สั่นคลอนหวั่นไหวในการทำความดี!!”

 

เรียบเรียงข้อมูล: nitanstory.com
Photo credit: Creative Lanna @Youtube
Credit: http://nitannorth.blogspot.com/p/blog-page_15.html

Related posts

นิทานอีสปภาษาอังกฤษแปลไทยเรื่อง ต้นสนกับพุ่มไม้

Admin

นิทานคติสอนใจ เรื่อง ฤาษีลวงตะกวด

Admin

นิทานอีสป เรื่องกบกับวัว

Admin