Nitan Story
นิทานพื้นบ้านภาคเหนือ นิทานล้านนาเรื่อง ชะตามะกอกแห้ง
นิทาน นิทานก่อนนอน นิทานคุณธรรม นิทานพื้นบ้าน นิทานเด็ก

นิทานพื้นบ้านภาคเหนือ นิทานล้านนาเรื่อง ชะตามะกอกแห้ง

นิทานพื้นบ้านภาคเหนือ นิทานล้านนาเรื่อง ชะตามะกอกแห้ง เรื่องเล่าของทางล้านนา เล่าถึงดวงที่แสนอาภัพอัพโชค เป็นนิทานเก่าแก่ที่ประกอบกับหลักธรรมคำสอนที่ว่า ทำดีได้ดี ทำไม่ดีย่อมได้ผลไม่ดี เรื่องราวที่กล่าวถึงชายคนหนึ่ง เป็นคนชื่นชอบสุรา และอบายมุข ไม่เคยทำบุญทำทาน พอตายไปเกิดอีกชาติหนึ่ง ก็กลายเป็นขอทาน แม้นจะมีโชคอยู่ข้างหน้า แต่ก็มิอาจเอื้อมถึงความสุขเหล่านั้นได้

นิทานล้านนาเรื่อง ชะตามะกอกแห้ง

นิทานพื้นบ้านภาคเหนือ นิทานล้านนาเรื่อง ชะตามะกอกแห้ง

มีสองคนผัวเมียติดตามกันมาหลายชาติ…ผัวไม่ชอบทำบุญให้ทานเอาแต่ดื่มเหล้าเมาสุรา เล่นไพ่ เล่นลูกเต๋า และเล่นไก่ชน…ส่วนเมียเป็นคนชอบทำบุญให้ทานใฝ่ใจในทางกุศลทุกชาติ…อยู่มาชาติหนึ่ง เมียนึ่งข้าวไว้แล้วแบ่งเป็นสองส่วน ส่วนหนึ่งเอาไว้กินกันสองคนผัวเมีย…อีกส่วนหนึ่งเอาไว้ตักบาตร และตั้งปรารถนาไว้ว่า ”หากตายไปชาติใดขอให้ได้พ้นจากผัวคนนี้ อย่าได้พบกันอีกเลย”… ฝ่ายผัวได้ยินก็ตั้งปรารถนาว่า ”จะเกิดชาติใดก็ขอให้ได้พบเมียตนทุกชาติ”

นิทานพื้นบ้านภาคเหนือ นิทานล้านนาเรื่อง ชะตามะกอกแห้ง

อีกหลายชาติต่อมา…ด้วยผลบุญที่ทำไว้มาก…เมียก็ไปเกิดเป็นลูกพญาเจ้าเมืองซึ่งเป็นคนใจบุญได้สร้างหอทำบุญไว้ตรงประตูเมือง มีคนมาขอทานทุกวัน และมีบัญชีจดไว้ว่าวันหนึ่งๆ มีผู้หญิงกี่คนชายกี่คน…ในชาตินั้นผัวก็ได้เกิดมาเป็นชายหนุ่มรูปงาม แต่ใส่เสื้อขาดหน้าปะหลังมาขอทาน…ด้วยเป็นบุพเพสันนิวาสในชาติก่อน แต่ละชาติก็ไม่ละทิ้งกัน…หญิงคนนั้นพอเห็นก็สงสารและมีความเอ็นดูว่าชายคนนี้มีรูปงามจริง ไฉนจึงยากจนนัก เห็นจะเป็นเพราะชาติก่อนไม่ได้ทำบุญให้ทานเสียกระมัง จึงอยากจะให้ทานเสื้อผ้าแก่ชายคนนั้น

วันหนึ่งนางก็ไปถามเสมียนว่า ”วันนี้มีคนมาขอทานกี่คน” เสมียนบอกว่า ‘’วันนี้มีคนมาขอทานเก้าสิบแปดคน นางจะให้ทานเสื้อก็ไปสั่งเสื้อมาเก้าสิบแปดผืน รุ่งขึ้นก็ให้เข้ามาขอทานแล้วก็บอกว่า ‘’พวกผู้ชายรับห่อข้าวแล้วให้ไปเข้าแถวทางด้านตะวันออกเป็นหัวแถว ทางด้านตะวันตกเป็นหางแถว ให้นั่งเรียงกันดีๆ” พอดีวันนั้นมีขอทานมาเพิ่มอีกคนหนึ่งเป็นเก้าสิบเก้าคน แต่ผ้ามีเก้าสิบแปดผืน นางบอกคนใช้ให้แจกทางหัวแถวไปทางทิศตะวันตก พอแจกไปก็ขาดตรงที่ผัวนาง… พอรุ่งขึ้นทุกคนก็ใส่เสื้อใหม่มากันหมด…ผัวนางก็ยังใส่เสื้อเก่า…หญิงคนที่เป็นเมียก็ให้ห่อข้าวแล้วถามว่า ‘’ เป็นยังไงถึงไม่ใส่เสื้อใหม่มาเพื่อนคนอื่น ๆ เขาใส่เสื้อใหม่กันทุกคน ‘’ ‘’ ข้าไม่ได้รับ เพราะข้าไปนั่งสุดท้ายแถว ‘’ ขาดไปกี่คน ขาดเฉพาะข้าคนเดียวนี่แหละ‘’ ‘’พรุ่งนี้จะให้ทานกางเกงนะ‘’

นางก็ถามเสมียนว่า ‘’วันนี้ขอทานมากี่คน‘’ เก้าสิบเก้าคน‘’ เอากางเกงมาเก้าสิบเก้าตัวนะ” ตอนนี้กลับมีคนเพิ่มอีกคนรวมเป็นหนึ่งร้อยคน ตอนนี้นางก็บอกว่า “ทางทิศตะวันออกเป็นหัวแถว ทางทิศตะวันตกเป็นท้ายแถว”…เพราะว่าวันก่อนผัวนางไปนั่งอยู่ท้ายสุดและไม่ได้เสื้อ…ตอนนี้มีคนมาเพิ่มอีกคนเป็นหนึ่งร้อยคน กางเกงมีเก้าสิบเก้าตัว นางก็บอกว่าให้แจกทางซ้ายขึ้นมาก่อน เพราะว่าเมื่อวานนี้ขาดไปทางท้ายแถว…พอแจกทางท้ายก็ขาดทางหัวแถว ในที่สุดผัวนางก็ยังต้องใส่เสื้อตัวเก่านุ่งกางเกงตัวเก่าตามเคย…รุ่งขึ้นนางก็ถามว่า ‘’พี่ชายทำไมยังใส่เสื้อเก่าอยู่ล่ะ ก็เมื่อวานนี้ยังไม่ได้รับแจกหรือ“ไม่ได้” ‘’ไปนั่งทางไหนล่ะ‘’ไปนั่งท้ายแถวโน่น‘’ …”ไม่ได้กี่คน‘’ “ไม่ได้ข้าคนเดียว‘’ นางก็สอบถามเสมียนดูก็ปรากฏว่ามีคนมาเพิ่มขึ้นเป็นหนึ่งร้อยคนจริงๆ จึงได้ขาดไปหนึ่งคน

…รุ่งขึ้นนางก็อยากจะให้ทานเสื้อผ้าแก่ผัวของนางคนเดียวเพราะนางรักอยู่คนเดียว ครั้นจะให้ทานอยู่คนเดียวก็เกรงว่าจะเป็นการลำเอียง นางก็สั่งมาอีกร้อยชุดทั้งเสื้อและกางเกง คิดหาทางจะให้ผัวนางได้รับให้ได้ แต่ในวันนี้ก็กลับมีคนมาจากไหนก็ไม่รู้มาเพิ่มอีกคนหนึ่งเป็นร้อยหนึ่งคน นางให้เข้าแถวทางทิศตะวันออกเป็นหัวแถว ทางตะวันตกเป็นหางแถว ชายคนนั้นก็วิ่งขึ้นวิ่งลง จะไปนั่งทางท้ายแถวก็กลัวจะไม่ได้จะไปนั่งทางหัวแถวก็กลัวจะไม่ได้ ไม่รู้จะทำอย่างไรดีคิดไปคิดมา ก็นับตั้งแต่หัวแถวมาถึงคนที่ห้าสิบแล้วก็ไปนั่งแทรกอยู่ตรงกลาง นางสั่งคนแจกว่า แจกทางด้านตะวันออกมาห้าสิบแล้วแจกทางตะวันตกมาอีกหาสิบ ฝ่ายผัวซึ่งไปนั่งแทรกอยู่ตรงกลาง นางสั่งคนแจกว่า แจกทางด้านตะวันออกมาห้าสิบแล้วแจกทางตะวันตกมาอีกห้าสิบ ฝ่ายผัวซึ่งไปนั่งแทรกอยู่ตรงกลางก็เลยไม่ได้ รุ่งขึ้นก็ใส่เสื้อเก่ากางเกงเก่ามาอีกปุๆ ปะๆ ขาดๆ มาหาเมีย นางก็ถามว่า ‘’ทำไมไม่ใส่เสื้อใหม่มาล่ะ‘’ ใคร ๆ เขาก็ใส่ใหม่กันทุกคนไปนั่งอยู่ตรงไหนอีกล่ะ‘’ ‘’ข้าไม่ได้นั่งตรงไหน ข้าไปแทรกอยู่ตรงกลาง‘’ ‘’โองั้นขาดไปอีกกี่คนก็ขาดข้าคนเดียวนี่แหละ ไปถามเสมียนดูก็ได้ความว่ามีคนมาเพิ่มจำนวนอีกเป็นร้อยเอ็ดคน ‘’

จะทำยังไงดีน้า จะช่วยมันอย่างไรดีไม่ให้ขาดตรงมันจะทำยังไงดี พอถึงกลางคืนนางก็มานอนคิด ได้ความว่าเอาทองหนักสิบบาทมาใส่ในข้าวห่อแล้วทำเครื่องหมายไว้ รุ่งขึ้นพอมันมาก็จะยกข้าวห่อให้มันแต่พอมันได้ข้าวห่อแล้วก็เอาไปแลกเหล้าเขากินเสีย รุ่งขึ้นก็ยังขอทานอีก นางก็ถามว่า ‘’พี่ชายเอาข้าวห่อไปไม่ได้กินหรืออย่างไร‘’ …ไม่ได้กินหรอก” “พี่ชายเอาไปไหนเสียล่ะเอาไปแลกเหล้ากินเสียแล้ว ‘’โอ พี่ชายคนนี้มันเป็นอย่างไรของมันหนอ ไม่มีบุญ ไม่มีกุศล ไม่ได้สั่งสม ไม่ได้ทำทาน ไม่ได้บริจาคไว้กระมัง มันถึงไม่ได้รับของทานสักครั้ง”

นางเองนอนคิดทั้งคืนก็ยิ่งทำให้เป็นห่วงมากขึ้นกว่าเดิม…เอาทองหนักอีกยี่สอบบาทใส่ในข้าวกล่องให้อีก รุ่งขึ้นก็ยกข้าวห่อที่ใส่ทองไว้หนักยี่สิบบาทไปให้ ‘‘พี่ชาย วันนี้อย่าเอาไปแลกเหล้าอีกนะ แล้วก็อย่าเอาไปขายด้วยขอให้เอาไปกินจริง ๆ นะ” เมื่อลูกสาวพญาเจ้าเมืองสั่งเช่นนั้นก็มีความยินดีนัก จะเอาไปกินตรงไหนก็ไม่เหมาะใจ มีต้นนกยูงต้นหนึ่งแผ่กิ่งก้านสาขาลงไปทางแม่น้ำปิงโน่น…ในขณะนั้นน้ำกำลังท่วม ชายคนนั้นก็ไต่กิ่งไม้ขึ้นไปแก้ห่อข้าวกินอยู่บนกิ่งไม้นั้นเพื่อให้สมเกียรติแก่นางผู้ให้ แก้ห่อข้าวอย่างระมัดระวัง ทองมันหนักถึงยี่สิบบาทแก้ไปแก้มา ห่อข้าวก็ตะลุมปุ๋มป๋ำไปในน้ำโน่นจนได้…ไม่ได้กินข้าวแม้คำเดียว…รุ่งขึ้นก็ไปขอทานอีก ”พี่ชายทำไมยังมาขอทานอยู่อีกล่ะไม่ได้กินข้าวอีกหรือ” ‘’กินก็ไม่ได้กินแม่น้อง” ‘’พี่ชายไปกินตรงไหนล่ะ‘’กินบนต้นไม้ริมแม่น้ำโน่นอะไรก็ไม่รู้อยู่ในห่อข้าวแม่น้องเลยตกลงไปในน้ำเสียแล้ว

เธอคิดในใจว่านายคนนี้ต้องไม่ได้ทำบุญกุศลอะไรไว้แน่…ยิ่งมีความสงสารมากขึ้น ‘’ พี่ชายกินข้าวเช้าแล้วให้เข้าไปบ้านนะ ” เมื่อเข้าไปถึงบ้านแล้ว นางถามว่า ‘’ พี่ชายทำอะไรได้บ้าง มีวิชาความรู้อะไรบ้าง ” ‘’ ยิงด้ามไม้เป็น ยิงกบเก่ง ‘’ ดังนั้นนางจึงเอาปืนให้กระบอกหนึ่ง ‘’ พี่ชายปืนนี้ถ้ายิงขึ้นฟ้าแล้วตกลงมาแผ่นดินลึกสักหนึ่งวา กว้างหนึ่งวา ก็จะเอาทองเอาเงินใส่ให้เท่าที่น้ำหนักดินชั่งได้ ถ้าตกโดนอะไรในราคาเท่าไร ก็จะใช้ให้เท่าราคานั้น ชายคนนั้นก็ยินดีว่าตนจะได้เงินได้ทองตอนหนนี้กระมัง…อออกไปกลางทุ่งนา มีกรรมการไปด้วย 3 คน ‘เอ้า…ได้เวลาแล้วเตรียมยิงปืนขึ้นบนอากาศได้ 1 – 2 – 3 เป็ง เสียงปืนดังหวิว ๆ ตกใส่ลูกมะกอกแห้ง ชั่งหนัก ๒ สลึง…นายคนนั้นก็ได้ทอง ๒ สลึง…อย่างนี้เขาเรียกว่า “ชะตามะกอกแห้ง”

นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า
1. คนโบราณเชื่อว่า”คนชะตาไม่ดีทำอะไรย่อมไม่สมหวัง”…
2. แต่ทางพระพุทธศาสนาสอนให้ “ใช้ปัญญาและขันติธรรม… จึงจะพบความสำเร็จ
2. คติ ‘สอนให้คนประพฤติดี ละความชั่ว

 

เรียบเรียงข้อมูล: nitanstory.com
Photo credit: อ้ายทีขี้เล่า @YouTube
Credit: เว็บไซต์ล้านนาคดี http://lanna.mju.ac.th/ “ทุกภาพ ทุกตัวอักษร มอบเป็นวิทยาทานแด่ทุกท่าน”,
https://www.openbase.in.th/node/7101

Related posts

นิทานอีสป เรื่อง พ่อค้าเกลือกับลา

Admin

นิทานอีสปเรื่องสั้นๆเรื่อง หมีกับนักเดินทาง

Admin

นิทานอีสป (อ่านง่าย ภาพสวย พร้อมข้อคิด)

Admin