เรื่อง ตากใบ
นิทานเรื่องนี้มีผู้บันทึกไว้ในหนังสือของจังหวัด นราธิวาส ไว้ดังนี้…
เมื่อประมาณ 400 ปีมาแล้ว…ในราวสมัยกรุงศรีอยุธยาตอนต้น…มีพ่อค้าจีนคนหนึ่งล่องเรือสำเภามาจากประเทศจีน เพื่อไปขายสินค้ายังแหลมมลายู ในเรือสำเภานั้นได้บรรทุกสินค้า เครื่องปั้นดินเผามาเต็มลำเรือ เช่น เครื่องลายคราม ชามเบญจรงค์ โอ่ง ไห ลายมังกร เป็นต้น สินค้าเหล่านี้มีลวดลายสีสันงดงามมาก
วันหนึ่งขณะที่เรือสำเภาแล่นอยู่กลางทะเลใกล้ปากอ่าวทางตอนใต้ของไทย ได้บังเกิดลมพายุ คลื่นลมแรงจัดมาก จนในที่สุดเรือกำลังจะจม พ่อค้าจีนจึงได้สั่งให้ปลดใบเรือลง จากนั้นเรือค่อยๆจมลงในท้องทะเล…พ่อค้าจีน ไต้ก๋ง พร้อมลูกเรือทุกคนได้พยายามช่วยเหลือตัวเองจนสามารถขึ้นเกาะที่อุดมสมบุรณ์แห่งหนึ่งได้ทุกคน เมื่อคลื่นลมสงบ ทุกคนจึงพากันไปกู้เรือและนำสินค้าขึ้นฝั่งได้สำเร็จ จากนั้นจึงเอาใบเรือเสื้อผ้า ขึ้นไปตากตามต้นไม้และกิ่งไม้
มีแขกมลายูคนหนึ่งมีอาชีพตัดไม้ไปขาย…ได้มาตัดไม้ใกล้บริเวณที่พ่อค้าจีนตากใบเรือและเสื้อผ้า…เมื่อเห็นสิ่งเหล่านั้นแขกมลายูจึงคิดที่จะขโมย จึงไปตัดต้นไม้ที่มีเสื้อผ้าตากอยู่…แต่พ่อค้าจีนและลูกเรือกลับมาเห็นเสียก่อนจึงร้องตะโกนขึ้นว่า “เจ๊ะ…เฮ้ๆๆๆ เอาเสื้อผ้าอั้วคืนมา” …แขกมลายูตกใจมากจึงกล่าวขอโทษ และรักปากว่าจะไม่ทำอย่างนี้อีก…พ่อค้าจีนและลูกเรือทั้งหมดจึงยกโทษให้ และได้อาศัยทำมาหากินบนเกาะนี้อย่างมีความสุข
…ต่อมาได้มีพ่อค้าสำเภาาจีนลำอื่นล่องเรือมาค้าขายบนเกาะนี้มากขึ้น…สินค้าส่วนใหญ่ที่นำมาขายมีชามเบญจรงค์ โอ่ง ไหลายมังกร เครื่องลายคราม…จนทำให้ชาวเกาะแห่งนี้มีเครื่องใช้เหล่านี้ทุกครัวเรือน…นับเป็นการนำศิลปะ ประติมากรรมมาเผยแพร่ในประเทศไทยจนถึงทุกวันนี้…ซึ่งสามารถไปชมได้ที่วัดชลธาราสิงเห อำเภอตากใบ จังหวัดนราธิวาส”
เป็นนิทานของชาวบ้านที่นราธิวาส…ซึ่งสะท้อนให้เห็นความสัมพันธ์ใกล้ชิดระหว่างคนมลายูพื้นเมืองกับพ่อค้าจีน…ที่มาจากทางทะเลตรงตามสภาพภูมิศาสตร์จริงๆ
Credit: gotoknow.org/posts/520226