นิทานอีสป เรื่อง สุนัขจิ้งจอกกับเงา
เย็นวันหนึ่งเวลาใกล้พลบค่ำ ดวงอาทิตย์เป็นสีแดงเลือดหมูกำลังจะลับขอบฟ้า
ได้มีสุนัขจิ้งจอกตัวหนึ่ง…เดินมาตามถนน
ซึ่งมันเดินหันหลังให้กับดวงตะวันที่กำลังจะตกดิน
ทันใดนั้นเมื่อมันรู้สึกประหลาดใจมาก
เมื่อเห็นเงาของตัวเองบนพื้น… เงาดำทึบ ยาวและใหญ่
อันเนื่องจากแสงอาทิตย์ปรากฏบนถนน และเคลื่อนที่ไปพร้อมกับตัวของสุนัขจิ้งจอก
มันแปลกใจกับเงาของตัวมันเองเป็นอย่างมาก
และเงานั้นก็ดูเหมือนกับว่าได้เดินนำหน้ามันไปตลอดเสียด้วยสิ
”ว้าว…มันชั่งเป็นเงาที่ใหญ่โตมากเลยนะเนี่ย“
”หากเงาของข้าใหญ่ขนาดนี้ ก็หมายความว่า ตัวของข้าเองนั้น
ก็จะต้องใหญ่เหมือนกันด้วยน่ะสิ” มันเกิดความคิดที่หยิ่งผยองขึ้นมา
และเริ่มออกเดินต่อไปเรื่อย ๆ
ต่อมามีเสือตัวใหญ่มากตัวหนึ่ง ออกมาปรากฏตัวขึ้นที่ตรงหน้าของสุนัขจิ้งจอก
และได้หยุดยืนนิ่งอยู่ที่ตรงเงามันพอดี
เจ้าสุนัขจิ้งจอกเมื่อเห็นเช่นนั้นจึงเปรียบเทียบขนาดของเงาตัวเองกับเสือตัวนั้น
พร้อมเอ๋ยขึ้นว่า
“จากที่ข้าดูแล้วนะ..เจ้าตัวเล็กกว่าข้ามาก ฉะนั้นข้าจึงไม่จำเป็นต้องกลัวอะไรทั้งสิ้น”
สุนัขจิ้งจอกยังพูดแบบหยิ่งยโสต่ออีกด้วยว่า
”เฮ้…เจ้าเสือน้อย…คุกเข่าลงต้อนรับข้าเดี๋ยวนี้นะ…จนกว่าข้าจะเดินผ่านไป”
”ก้าววว! อัายสุนัขจิ้งจอกผอมแห้ง ถึงแม้ว่าเมื่อก่อนนี้
ข้าจะเคยคิดว่าหากกินเอ็งเข้าไปคงจะไม่อร่อย
แต่ตอนนี้ข้าไม่อาจที่จะยกโทษให้เอ็งได้เสียแล้วสิ ก้าววว”
สุนัขจิ้งจอกจึงต้องพบกับจุดจบคือถูกเสือกินเป็นอาหาร
ที่เกิดจากมันสำคัญผิด…คิดหลงไปกับเงาของตัวมันเอง
“การหลงตัวเองคิดว่ายิ่งใหญ่เหนือใครๆนั้น…อาจนำมาซึ่งความล้มเหลวในภายหลังได้”