Nitan Story
นิทานพื้นบ้านภาคกลางเรื่อง ท้าวกกขนาก เขาวงพระจันทร์, ตำนานเมืองลพบุรี
ตำนานเรื่องเล่า นิทาน นิทานก่อนนอน นิทานพื้นบ้าน

นิทานพื้นบ้านภาคกลางเรื่อง ท้าวกกขนาก เขาวงพระจันทร์

นิทานพื้นบ้านภาคกลางเรื่อง ท้าวกกขนาก เขาวงพระจันทร์ เป็นตำนานเมืองลพบุรี ท้าว”กกขนาก” ยักษ์ตนสุดท้ายที่ไม่ยอมแพ้พระรามที่อยู่ในเรื่องรามเกียรติ์ จึงถูกพระรามแผลงศร โดนยักษ์กระเด็นลอยละลิ่วข้ามมหาสมุทรอินเดียมาตกที่ยอดเขาลูกนี้ (เขาวงพระจันทร์ จ.ลพบุรี) ถึงแม้เรื่องเล่านี้จะได้รับอิทธิพลจากรามเกียรติ์แต่ก็ผสมผสานเข้ากับคติความเชื่อทางพุทธศาสนา พระศรีอริยเมตไตรยไว้ด้วย เรื่องราวจะเป็นอย่างไรต่อไปนั้น ติดตามรับชมพร้อมกันเลยค่ะ^^

ขอขอบคุณที่มา คัดลอกจากหนังสือ “๕๐ นิทานไทย” โดย ธนากิต

อยู่มาวันหนึ่ง นากออกไปหากิน มองเห็นช่องว่างคิดว่าเป็นทางน้ำจึงว่ายเข้าไป พอเข้าไปแล้วปรากฏว่าไปชนสายใยประตูกะต้ำ (เครื่องดักจับปลาชนิดหนึ่งที่ทำไว้ตามข้างตลิ่ง หันหน้าล่องใต้ พอปลาตัวโตเข้าไปเมื่อชนสายใย สลักจะหยุด ประตูจะเลื่อนตกลงมาปิดไว้ทันที ทำให้ปลาออกไม่ได้) …นากพยายามหาทางออก แต่ทำอย่างไรก็ออกไม่ได้ มันร้องขอให้กระต่ายช่วย …กระต่ายลงมาดูเห็นกะต้ำแน่นหนาเกินกว่ากำลังน้อยๆ ของตนจะรื้อหรือทำลายได้

 

ขณะนั้นพอดีนายพรานผู้วางกะต้ำ จึงตรงเข้าไปดูเห็นนากติดอยู่ก็ดีใจ …ส่วนกระต่ายเห็นคนเดินมาจึงหลบซ่อนตัวนิ่งอยู่ข้างๆ กอหญ้า …นากพอเห็นนายพรานเปิดประตูกะต้ำออก มันแกล้งทำเป็นตาย กลั้นลมหายใจ เบ่งท้องให้พองคล้ายกับตายมานานแล้ว …เมื่อกระต่ายแลเห็นนายพรานจับเพื่อนของตนขึ้นมาเช่นนั้น …กระต่ายจึงกระโดดออกมา และดิ้นรนกระเสือกกระสนคล้ายกับถูกตีหรือถูกยิง แล้วนอนนิ่งบนหาดทรายห่างจากกะต้ำไม่ไกลนัก …

ในครั้งที่ศึกรามเกียรติ์ เมื่อรามมีชัยชนะเหนือพญายักษ์ทศกัณฐ์อย่างเด็ดขาดแล้ว พระองค์ได้ปูนบำเหน็จรางวัลแก่แม่ทัพกองโดยถ้วนหน้ากัน สำหรับหนุมานยอดทหารเอกนั้น พระรามทรงเห็นว่าเหน็ดเหนื่อยมากและมีความดีความชอบเป็นพิเศษ จึงตรัสว่าจะพระราชทานเมืองหนึ่งให้ปกครอง โดยแผลงศรแล้วให้หนุมานเหาะตามไป ศรไปตกที่ใดก็จะได้เป็นเจ้าเมืองนั้น

หนุมานใช้ฤทธิ์เหาะตามศรของพระรามมาอย่างกระชั้นชิด ในที่สุดศรก็มาตก ณ บริเวณอันเป็นที่ตั้งของเมืองลพบุรีในปัจจุบันนี้ หนุมานใช้หางของตนกวาดตะล่อมดินให้พูนไว้เพื่อเป็นเครื่องหมาย ด้วยเหตุนี้พื้นที่ของเมืองลพบุรีจึงมีสภาพสูงคล้ายกับเกาะ ส่วนลูกศรของพระรามนั้นมีอานุภาพร้ายแรง จึงทำให้เกิดความร้อนระอุจนดินสุกกลายเป็นสีขาวอยู่ทั่วไป ซึ่งต่อมาดินชนิดนี้กลายเป็นสินค้าที่สำคัญของชาวลพบุรี รู้จักกันในชื่อว่า “ดินสอพอง” ศรของพระรามที่แผลงมานั้นมีชื่อว่า “ศรพรหมมาศ” และจุดที่ศรตกนั้นเรียกกันว่า “ทุ่งพรหมมาศ” ซึ่งก่อนที่จะแผลงศร พระรามได้ชุบศรที่ทะเลหรือแหล่งน้ำแห่งหนึ่งซึ่งต่อมาได้ชื่อว่า “ทะเลชุบศร”

หลังจากที่หนุมานสร้างบ้านเมืองในพื้นที่ซึ่งได้รับพระราชทานจากพระรามเสร็จ จึงตั้งชื่อว่า “เมืองลพบุรี” อันหมายถึงเมืองของ “พระลพ” พระโอรสองค์หนึ่งของพระรามซึ่งหนุมานให้ความเคารพนับถือเช่นเดียวกับพระราม ส่วนศรของพระรามนั้นเนื่องจากมีอานุภาพร้ายแรง ชาวเมืองจึงอัญเชิญไปไว้ในศาลอันมีนามว่า “ศาลลูกศร” โดยมีความเชื่อว่าจะต้องใช้น้ำหล่อเลี้ยงไว้เสมอมิเช่นนั้นจะร้อนระอุจนเกิดไฟไหม้เมืองลพบุรี

………………………………………..

นิทานพื้นบ้านภาคกลางเรื่อง ท้าวกกขนาก เขาวงพระจันทร์

นิทานพื้นบ้านภาคกลางเรื่อง ท้าวกกขนาก เขาวงพระจันทร์

อีกตำนานเกี่ยวกับการเกิดไฟไหม้เมืองลพบุรี คือเรื่องราวของ “ท้าวกกขนาก” ซึ่งมีประวัติความเป็นมาจากรามเกียรติ์เช่นกัน เรื่องราวมีดังนี้…

…เมื่อเสร็จศึกทศกัณฐ์แล้ว พระรามได้ตรัสถามพิเภกว่าพวกยักษ์ตายหมดแล้วหรือยัง พิเภกลืมไปว่าตนก็เป็นยักษ์เหมือนกัน จึงทูลว่ายังเหลือเพียงยักษ์กกขนากอีกตนหนึ่ง พระรามจึงใช้ต้นกกมาทำเป็นศรแล้วแผลงไปสังหารพวกยักษ์ที่ยังหลงเหลืออยู่ พิเภกจึงถูกศรด้วย

สำหรับท้าวกกขนากนั้น (บางตำนานบอกว่ายักษ์ตัวนี้ชื่อ “ท้าวอุณาราช”) เมื่อถูกศรแล้วก็ปลิวมาตกที่ภูเขาลูกหนึ่ง ซึ่งต่อมาได้ชื่อว่าเขาวงพระจันทร์ และพระรามได้สาปให้ยักษ์กกขนากทนทุกข์ทรมานอยู่ที่นี่จนกว่าพระศรีอาริย์จะ มาโปรด ด้วยเหตุนี้ นางศรีพระจันทร์ ธิดาของท้าวกกขนากจึงมาอยู่คอยปรนนิบัติดูแลยักษ์ผู้เป็นบิดา และพยายามทอผ้าผืนหนึ่งด้วยใยบัว เพื่อเป็นจีวรสำหรับถวายพระศรีอาริย์พระพุทธเจ้าองค์ที่ ๕ ผู้จะมาตรัสรู้ในอนาคตกาลต่อจากพระสัมมาสัมพุทธเจ้าหรือพระสมณโคดมซึ่งเป็น องค์ที่ ๔ องค์ปัจจุบัน

ศรที่ตรึงร่างท้าวกกขนากอยู่นั้นจะขยับออกทุกๆ ๓ ปี หนุมานจึงให้ไก่แก้วอยู่คอยเฝ้า โดยสั่งว่าเมื่อเห็นศรเขยื้อนจะหลุดให้ไก่แก้วส่งเสียงขันขึ้น หนุมานก็จะเหาะมาตอกศรให้แน่นอย่างเดิม และทุกครั้งที่หนุมานตอกศรจะเกิดประกายไฟลุกไหม้ ดังนั้นชาวเมืองลพบุรีจึงคอยระมัดระวังกันพิเศษ เพราะมักจะเกิดไฟไหม้ครั้งใหญ่ในทุกๆ ๓ ปี และศรของพระรามนั้นหากถูกราดรดด้วยน้ำส้มสายชูก็จะหลุดออกได้ จึงมีเรื่องเล่าต่อๆ กันมาว่า วันดีคืนดีจะเห็นหญิงสาวสวยถือขวดมาซื้อน้ำส้มสายชูในตลาด แต่ชาวบ้านรู้ว่าเป็นนางศรีพระจันทร์แปลงมาจึงไม่ยอมขายให้ และสมัยหนึ่งแม่ค้าในตลาดลพบุรีถึงกับไม่ยอมขายน้ำส้มสายชู

ในระหว่างที่ทนทุกข์ทรมานอยู่นั้น วันหนึ่งมีพระสององค์ธุดงค์เข้าไปในป่าจนถึงเขาวงพระจันทร์ และพบกับร่างของท้าวกกขนากที่กลายเป็นหินนอนยาวเหยียดอยู่ในถ้ำ มีชายชราคนหนึ่งปรากฏร่างขึ้น พระทั้งสององค์จึงขอพักในถ้ำและถามทางที่จะธุดงค์ต่อไป วันรุ่งขึ้นนางศรีพระจันทร์กลับจากหาซื้อน้ำส้มสายชูและได้นำอาหารถวายพระ ธุดงค์ แต่เมื่อไม่เห็นจึงถามท้าวกกขนากว่าพระสององค์หายไปไหน ท้าวกกขนากตอบว่าเห็นแมลงวันสองตัวผ่านมาเลยเอาลิ้นตวัดเข้าไปในปาก นางจึงว่าหากยังทำกรรมอยู่เช่นนี้จะมีโอกาสเป็นอิสระได้อย่างไร นับแต่นั้นมาร่างของท้าวกกขนากก็กลายเป็นหินไปอย่างถาวร

ส่วนนางศรีพระจันทร์ รออยู่เป็นเวลานานหลายปีไม่เห็นพระศรีอาริย์มาโปรดสักทีจึงมีความโทมนัส ระบายความคับแค้นออกมาเป็นเสียงเพลงในทุกคืนวันเพ็ญ และในที่สุดนางก็ตรอมใจตาย ณ ภูเขาลูกนั้น ซึ่งต่อมามีชื่อเรียกว่า “เขาวงพระจันทร์ ดังกล่าวมาแล้ว

“เทศกาลขึ้นเขาวงพระจันทร์”

วันที่ 16 กุมภาพันธ์ – 2 มีนาคม 2561 ที่ วัดเขาวงพระจันทร์ ต.ห้วยโป่ง อ.โคกสำโรง จ.ลพบุรี เดินขึ้นบันได 3,790 ขั้น สักการะรอยพระพุทธบาท บนยอดเขาวงพระจันทร์ เพื่อ เสริมสิริมงคล ชมทัศนียภาพที่สวยงาม และการแสดงมหรสพ

 

เรียบเรียงข้อมูลโดย nitanstory.com
Photo credit: เรารัก"ลพบุรี" @facebook
Credit: buddhafacts.wordpress.com/2016/05/27/ท้าวกกขนาก-เขาวงพระจันท/
thaift.wordpress.com/24-2/นิทานประจำถิ่น/ท้าวกกขนาก/

Related posts

นิทานอีสปเรื่อง หมาป่ากับลูกแกะ

Admin

นิทานเซนเรื่อง ยอดซามูไร

Admin

นิทานอีสป เรื่องห่านกับไข่ทองคำ

Admin