เขาตาม่องลาย ตำนานความรักเล่าขานแห่งท้องทะเล ตามประวัติเขาตาม่องลาย เป็นเรื่องราวรักสามเส้าโศกนาฏกรรมระหว่างชาย 2 กับหญิง 1 คือ เจ้าลาย พระเจ้ากรุงจีน และนางยม ซึ่งชายทั้งสองต่างหลงรักหญิงสาวคนเดียวกันและนำมาสู่เรื่องราวต่างๆ นิทานเรื่องนี้ใช้อธิบายที่มาของการเกิดภูมิลักษณ์ต่างๆ เช่น ภูเขา เกาะ ชายหาด หาดทราย และคุ้งอ่าว ในจังหวัดต่างๆ ทั่วภาคตะวันออก
นิทานท้องถิ่น นิทานพื้นบ้านเรื่อง ตาม่องล่าย เป็นนิทานประจำถิ่นของจังหวัดประจวบคีรีขันธ์และจังหวัดระยองที่มีชื่อเสียงมาก นอกจากนี้ นิทานเรื่องนี้ยังได้เคยนำมาสร้างสรรค์ในรูปแบบของ ละครพันทางเรื่องตาม่องล่าย ซึ่งจัดแสดงเนื่องในเทศกาลสงกรานต์ ประจำปี พ.ศ. ๒๕๕๑ ที่จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ นอกจากนี้ ชื่อของตัวละครก็ยังได้มีการนำมาใช้เป็นชื่อสถานที่ต่างๆ เช่น ตาม่องล่ายรีสอร์ท จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ และได้มีผู้สร้างสรรค์ให้ปรากฏในรูปแบบของเพลงชื่อว่า เพลงตาม่องล่าย เพื่อใช้ประกอบละครจักรๆ วงศ์ๆ เรื่องตาม่องล่าย
ณ หมู่บ้านอ่าวน้อย มีบ้านหลังหนึ่ง หัวหน้าครอบครัวชื่อ “ม่องล่าย” เมียชื่อ “รำพึง” และลูกสาวชื่อ “ยม” โดยความงามและความดีของนาง เลื่องลือ อยู่ในหมู่ชาวประมงแลพ่อค้าวานิช ที่เคยเข้ามาค้าขายในอ่าวน้อย ขณะเดียวกันหมู่บ้านแห่งหนึ่งในเขตเมืองเพชรบุรี มีเจ้าเมืองปกครองด้วยความร่มเย็น มีลูกชายรูปงามชื่อ “เจ้าลาย. ได้ยินกิตติศัพท์ความงามของหญิงยม จึงคิดอุบายเพื่อชมความงามของนาง จึงได้ปลอมตัวเป็นชาวประมงล่องเรือขายปลา มาถึงหมู่บ้านอ่าวน้อย และได้ทำความรู้จักนางรำพึง ด้วยความขยันขันแข็งสุภาพอ่อนน้อมของเจ้าลาย ทำให้นางรำพึงยินดีให้เจ้าลายสนิทสนมกับสาวยม ส่วนตาม่องล่ายกลับไม่พอใจจึงขัดขวางทุกวิถีทาง
ความรักของคนทั้งสองเริ่มมีอุปสรรคมากขึ้น เมื่อมีเรือสำเภาจีนเข้ามาค้าขาย และได้จอดทอดสมอเรือที่บริเวณหน้าบ้านตาม่องล่ายในอ่าวน้อย เจ้าของเรือคือ “เจ้ากรุงจีน” ซึ่งได้ยินกิตติศัพท์ความงามของสาวยม จึงตีสนิทกับตาม่องล่ายได้สำเร็จ แต่นางรำพึงไม่พอใจ ยายรำพึงกับตาม่องล่ายมักมีปากเสียงกันด้วยเรื่องนี้อยู่เสมอ
ต่อมาเมื่อเจ้าลายส่งผู้ใหญ่มาสู่ขอนางยมจากยายรำพึง ยายรำพึงได้รับขันหมากเจ้าลาย โดยไม่ให้ตาม่องล่ายรู้ และเมื่อเจ้ากรุงจีนมาสู่ขอนางยมจากตาม่องล่าย ตาม่องล่ายก็ไม่ให้ยายรำพึงรู้
เมื่อถึงวันนัดหมายขบวนขันหมากของทั้งสองฝ่ายก็ยกเข้ามา โดยที่ทางเจ้ากรุงจีนยกเข้ามาทางด้านใต้ของอ่าวน้อย ส่วนขบวนขันหมากของเจ้าลายยกเข้ามาทางด้านเหนือของอ่าวน้อย สร้างความตกตะลึงของทุกฝ่าย สองผัวเมียต่างทุ่มเถียงกันอย่างรุนแรง และต่างก็ใช้ข้าวของปาเข้าใส่กัน จนกลายเป็นตำนานของสถานที่ต่าง ๆ สืบมาดังนี้
ยายรำพึงฉวยหมวกใบหนึ่งขว้างไปยังตาม่องล่าย แต่ตาม่องลายหลบทันหมวกจึงลอยไปตกบริเวณอ่าวเกาะหลัก หรืออ่าวประจวบ ฯ กลายเป็น“เขาล้อมหมวก” ฝ่ายตาม่องล่ายคว้ากระบุงขว้างไปที่ยายรำพึงแต่ไม่ถูก กระบุงเลยตกทะเลลอยไปทางทิศตะวันออก กลายเป็น“เกาะกระบุง” ในจังหวัดตราด ยายรำพึงเอางอบขว้างไป งอบลอยไปตกกลายเป็น “แหลมงอบ” ในจังหวัดจันทบุรี ตาม่องล่ายคว้าสากตำข้าวขว้างยายรำพึง สากลอยไปถูกเขาทะลุ กลายเป็น“เกาะทะลุ” ในอำเภอบางสะพานน้อย ส่วนสากลอยไปตกกลางทะเลกลายเป็น “เกาะสาก” ใน จ.ตราด
บรรดาข้าวของในขบวนขันหมากที่ตาม่องล่ายขว้างไปกระจัดกระจายไปตกในที่ต่างๆได้กลายเป็น “เขาขันหมาก” หรือเขาสามร้อยยอด ในกิ่งอำเภอสามร้อยยอด โดยพลูไปตกกลายเป็นหอยพลูมวน หมากตกไปกลายเป็น“เกาะหมาก” ขนมจีนตกไปกลายเป็น“สาหร่ายทะเล” ปูทอดตกลงไปเป็น“ปูหิน” กระจกส่องหน้าของสาวยมลอยไปติดที่เขาลูกหนึ่ง เรียกกันว่า “เขาช่องกระจก” ในเวลาต่อมา ส่วนตะเกียบไปตกกลายเป็น “เขาตะเกียบ” ที่อำเภอหัวหิน จานก็ตกเป็น“เกาะจาน” อยู่หน้าอ่าวคลองวาฬ เครื่องเพชรเครื่องทองทั้งหลายตกลงไปเป็น หอยดาว หอยทับทิม
ด้วยความเสียใจ ยายรำพึงเดินซมซานไปนอนรำพึง ถึงเคราะห์กรรมของครอบครัวตน จนกลายเป็น“เขาแม่รำพึง” ในอำเภอบางสะพาน ส่วนตาม่องล่ายหันมาเห็นสาวยมที่คิดว่าเป็นต้นเหตุ จึงจับลูกสาวฉีกออกเป็นสองซีก ซีกหนึ่งขว้างไปทางบ้านเจ้าลายทางเหนือ ตกลงกลายเป็น “เขานมสาว” อยู่บริเวณชายทะเลบ้านบางปู กิ่งอำเภอสามร้อยยอด อีกซีกหนึ่งขว้างไปทางเมืองเจ้ากรุงจีน ทางด้านทิศตะวันออกกลายเป็น “เกาะนมสาว” ในจังหวัดจันทบุรี ส่วนเจ้าลายนั้นเดินทางกลับบ้านรู้สึกเศร้าเสียใจในเรื่องราวที่เกิดขึ้นและตรอมใจตาย กลายเป็น “เขาเจ้าลาย” ในอำเภอชะอำ จังหวัดเพชรบุรี ส่วนตาม่องลายนั้นก็เสียใจอย่างมากไปนั่งดื่มเหล้าจนเมามายอยู่ที่เชิงเขา ริมทะเล สุดท้ายก็เสียชีวิตกลายเป็นภูเขาชื่อ “เขาตาม่องลาย” มาจนปัจจุบัน อยู่ที่หมู่บ้านอ่าวน้อย จ.ประจวบคีรีขันธ์
ข้อคิด/ คุณค่าที่ได้จากเรื่อง ตาม่องล่าย
แม้ว่าเรื่องราวในครอบครัวของตาม่องล่าย จะเป็นเพียงนิทานประกอบภูมิทัศน์ของท้องทะเล แต่ได้ให้แนวคิดเป็นอย่างดีในเรื่องความรักของพ่อแม่ที่ใช้แต่อารมณ์อยู่เหนือเหตุผลและความเป็นจริง ใช้ทรัพย์สินตัดสินความรัก ผลที่เกิดขึ้นจึงเป็นผลร้าย ต่อทุกฝ่าย
การนำไปใช้ในชีวิตประจำวัน
เราไม่ควรบังคับใครให้ท าตามใจเรา ควรให้เขาตัดสินใจและท าในสิ่งที่ เขาถนัดหรือชอบ เช่น เราชอบรับประทานข้าวผัด ถ้าเพื่อนไม่ชอบ ก็ไม่ควรบังคับให้เขา รับประทานเหมือนกับเรา เพราะถ้าเรา บังคับเขาบ่อย ๆ เพื่อนอาจอึดอัดใจ หรือเกิดความร าคาญจนเลิกคบเราก็ได้
เรียบเรียงข้อมูลโดย nitanstory.com
ขอบคุณเนื้อหาจาก :
- มรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรม
- เรื่องเล่าเช้านี้
- มูลนิธิสารานุกรมวัฒนธรรมไทย ธนาคารไทยพาณิชย์. สารานุกรมวัฒนธรรมไทย (ภาคกลาง) เล่ม ๕ : กรุงเทพฯ.
- สื่อประกอบการสอน เรื่อง เสริมปัญญาด้วยนิทานพื้นบ้าน; รายวิชา ภาษาไทย รหัสวิชา ท ๑๕๑๐๑, ชั้นประถมศึกษาปีที่ ๕, ผู้สอน ครูพัชรินทร์ ภูชนะศรี.
ขอขอบคุณภาพประกอบจาก :
- สำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ , amazingthaitour.com , province.m-culture.go.th