Nitan Story
นิทานพื้นบ้านภาคกลางเรื่อง เจ้าชายสายน้ำผึ้งกับพระนางสร้อยดอกหมาก
ตำนานเรื่องเล่า นิทาน นิทานก่อนนอน นิทานพื้นบ้าน นิทานเจ้าหญิงเจ้าชาย

นิทาน เรื่อง เจ้าชายสายน้ำผึ้งกับพระนางสร้อยดอกหมาก

นิทานพื้นบ้านภาคกลาง เรื่อง เจ้าชายสายน้ำผึ้งกับพระนางสร้อยดอกหมาก เป็นตำนานเรื่องเล่าเกี่ยวข้องกับตำนานการสร้างวัดพนัญเชิญ จังหวัดพระนครศรีอยุธยา เพราะเจ้าชายสายน้ำผึ้ง สร้างวัดนี้ขึ้น เพื่อเป็นอนุสรณ์รักแด่พระนางสร้อยดอกหมากพระมเหสีที่ทิวงคตลงด้วยความเข้าใจผิดของพระนางเองยังความโศกเศร้าเสียใจแก่ผู้ที่เกี่ยวข้องเป็นอย่างมาก ดังมีเรื่องเล่าต่อไปนี้…

นิทานพื้นบ้านภาคกลาง เรื่อง

เจ้าชายสายน้ำผึ้งกับพระนางสร้อยดอกหมาก

นิทานพื้นบ้านภาคกลางเรื่อง เจ้าชายสายน้ำผึ้งกับพระนางสร้อยดอกหมากสมัยก่อนที่พระเจ้าอู่ทองจะสร้างกรุงศรีอยุธยาเป็นราชธานีนั้นราชอาณาจักรไทยในเวลานั้น เกิดว่างกระษัตริย์ปกครองบ้านเมือง เพราะกษัตริย์องค์ก่อนสิ้นพระชนม์โดยไม่มีรัชทายาท เหล่าเสนาบดีและอำมาตย์ทั้งหลายจึงทำพิธีเสี่ยงทาย หาผู้มีบุญญาธิการมาเป็นกษัตริย์โดยการอัญเชิญเครื่องราชกกุธภัณฑ์ (เครื่องหมายแห่งความเป็นกษัตริย์) ลงเรือพระที่นั่งสุวรรณหงส์พายไปตามแม่น้ำ เมื่อเรือเดินทางไปถึงตำบลหนึ่งก็ ไม่ยอมไปต่อไม่ว่า ฝีพายจะออกแรงพายสักเท่าใดเรือก็ ไม่ขยับเขยื้อนเลยเหล่าเสนาบดีและอำมาตย์คิดว่าคงเป็นเพราะมีผู้มีบุญอยู่ที่ตำบลนี้ จึงพากันขึ้นบกเพื่อไปสืบหา ก็พบเด็กเลี้ยงควายกลุ่มหนึ่ง กำลังเล่นเป็นพระราชากันอยู่ เหล่าขุนนางเห็นเด็กคนหนึ่งนั่งอยู่บนจอมปลวกสมมุติว่าเป็นพระราชาและมีเด็กอื่นๆนั่งคุกเข่าที่พื้นดิน

“อำมาตย์จุก ที่เราให้ท่านไปดูแลราษฎรทางเมืองเหนือเป็นอย่างไรบ้าง ราษฎรของเรามีเรื่องทุกร้อนประการใดบ้าง ข้าวปลาอาหารบบริบูรณ์ดีไหม โจรผู้ร้ายชุกชุมรึเปล่า รายงานให้เราฟังหน่อยสิ” เด็กที่เป็นพระราชากล่าว

“ราษฎรอยู่ดีกินดี ข้าวปลาอาหารสมบูรณ์ดี โจรผู้ร้ายก็ไม่มีพระเจ้าข้า” เด็กจุกบอกพร้อมกับแสดงความเคารพ

“แล้วท่านเสนาแกละล่ะ หัวเมืองทางใต้เป็นอย่างไร จงว่าไปซิ” เด็กชายผู้เป็นพระราชาหันไปถามเด็กชายแกละ

“ก็เรียบร้อยดีเหมือนทางเหนือพระเจ้าข้า” แกละตอบ

เหล่าเสนาบดีและอำมาตย์เห็นรูปร่างลักษณะและท่าทางของเด็กที่เล่นเป็นพระราชาแล้วเห็นว่าเป็นผู้มีบุญญาธิการ นอกจากนี้ การพูดการจาก็แสดงว่าเป็นคนฉลาดมีไหวพริบ เหล่าเสนาบดีและอำมาตย์จึงแจ้งความประสงค์ แล้วเชิญเด็กคนนี้ลงเรือพระที่นั่งสุวรรณหงส์ ก็เกิดเหตุอัศจรรย์ขึ้น เพราะเรือพระที่นั่งเคลื่อนที่กลับเมืองไปอย่างง่ายดาย เสนาบดี อำมาตย์ และประชาชนทั้งปวงจึงพร้อมใจกันจัดพิธีราชาภิเษกให้เด็กคนนี้ขึ้นเป็นกษัตริย์ทรงพระนามว่า “เจ้าชายสายน้ำผึ้ง”

ภาพจินตนาการพระเจ้าสายน้ำผึ้งกับนางสร้อยดอกหมาก (ที่วัดพนัญเชิง จ.พระนครศรีอยุธยา)

เหตุที่ได้ชื่อว่าเจ้าชายสายน้ำผึ้งนั้นเพราะวันหนึ่งขณะเสด็จประพาสทางชลมารคเมื่อ เดินทางไปถึงวัดปากครอง ทอดพระเนตรเห็นรังผึ้งจับอยู่ที่อกไก่ใต้ช่อฟ้า พระองค์จึงอธิษฐานว่า ถ้าพระองค์มีบุญญาธิการที่จะปกครองบ้านเมืองให้เจริญรุ่งเรืองต่อไปแล้ว ก็ขอให้น้ำผึ้งหยดลงมากลั้วเอาเรือขึ้นไปถึงกำแพงแก้วเถิด พอสิ้นคำอธิษฐาน ก็มีน้ำผึ้งไหลลงมากลั้วเอาเรือพระที่นั่งขึ้นไปประทับจนถึงกำแพงแก้วนั้น พระองค์จึงได้ชื่อว่า “เจ้าชายสายน้ำผึ้ง” ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา

ส่วนทางเมืองจีนก็ เกิดเหตุการณ์น่าอัศจรรย์คือ มีเด็กผู้หญิงคนหนึ่ง เป็นผู้มีบุญญาธิการเกิดจากจั่นหมากพระเจ้ากรุงจีนจึงรับมาเป็นราชธิดาบุญธรรมแล้วตั้งชื่อว่า “เจ้าหญิงสร้อยดอกหมาก” เมื่อเจริญวัยขึ้น เจ้าหญิงมีสิริโฉมงดงามเป็นที่ประทับใจแก่ผู้พบเห็น พระเจ้ากรุงจีนต้องการให้นางมีคู่เป็นผู้มีบุญญาธิการเหมือนกัน จึงให้โหรทำนายดวงชะตาของเจ้าหญิง

“ข้าพระพุทธเจ้าตรวจดูดวงชะตาของเจ้าหญิงดูแล้ว ตามตำราบ่งบอกว่า เนื้อคู่ของเจ้าหญิงเป็นกษัตริย์เมืองไทยพะย่ะค่ะ” โหรทำนาย

“ถ้าเป็นเช่นนั้น เราก็จะได้ให้ราชทูตนำสารไปแจ้งแก่กษัตริย์เมืองไทย” พระเจ้ากรุงจีนตรัส

เมื่อพระเจ้าสายน้ำผึ้งได้รับสาสน์จากพระเจ้ากรุงจีนก็ยินดียิ่งนักจึงตรัสตอบราชทูตไปว่า

“ท่านจงไปกราบทูลพระเจ้ากรุงจีนว่าเรายินดีและขอบพระทัยมากที่ยกเจ้าหญิงสร้อยดอกหมากให้เป็นมเหสีของเรา แล้วเราจะเดินทางไปอภิเษกสมรสในเดือนสิบสองนี้”

เจ้าชายสายน้ำผึ้งทรงเดินทางไปเมืองจีนโดยเรือพระที่นั่งเอกชัยเพียงลำเดียวเมื่อเดินทางไปถึงปากอ่าวไพ่ ประชาชนชาวจีนต่างพากันสรรเสริญเจ้าชาย ที่มีบุญญาธิการเดินทางมาถึงเมืองจีนด้วยเรือพายได้อย่างปลอดภัย

พระเจ้ากรุงจีนต้องการทดสอบความกล้าหาญของเจ้าชายสายน้ำผึ้งจึงให้อำมาตย์อัญเชิญเรือพระที่นั่งไปประทับที่อ่าวเสือ และอ่าวนาค แห่งละหนึ่งคืนเสร็จแล้วให้อำมาตย์มารายงาน ความเป็นไปให้ทรงทราบ

“เจ้าชายสายน้ำผึ้งทรงมีความกล้าหาญและมีบุญญาธิการ เหมาะสมกับเจ้าหญิงสร้อยดอกหมากอย่างแท้จริง เพราะพระองค์สามารถประทับที่อ่าวเสือและอ่าวนาคแห่งละคืนได้อย่างปลอดภัย นอกจากนี้แล้ว ในเวลากลางคืนยังได้ยินเสียงดนตรีบรรเลงเพลงขับกล่อมทั้งคืน โดยที่ไม่เห็นตัวผู้บรรเลงด้วยพระเจ้าข้า” อำมาตย์กราบทูล

“ดีจริง ถ้าเช่นนั้น ท่านอำมาตย์รีบไปจัดขบวนเกียรติยศ เชิญเสด็จเจ้าชายเข้ามา เราจะได้จัดการอภิเษกสมรสกับลูกหญิงของเราให้เรียบร้อย” เจ้ากรุงจีนตรัสด้วยความดีพระทัย

หลังจากเสร็จพิธีอภิเษกสมรสแล้ว เจ้าชายสายน้ำผึ้งพร้อมด้วยพระมเหสีคือ พระนางสร้อยดอกหมากก็ทูลลาพระเจ้ากรุงจีนเสด็จกลับเมืองไทยเพราะว่าเจ้าชายเป็นห่วงราชกิจที่เมืองไทย พระเจ้ากรุงจีนจึงรับสั่งให้จัดเรือสำเภาห้าลำ พร้อมด้วยเครื่องอุปโภคบริโภคอีกมากตามมาส่งเสด็จถึงเมืองไทย

ที่เมืองไทยเหล่าขุนนางผู้ใหญ่พร้อมด้วยพระราชาคณะ ๑๕๐รูปได้ออกไปต้อน รับพระเจ้าสายน้ำผึ้งและพระมเหสีที่เกาะแห่งหนึ่ง ซึ่งต่อมาได้ชื่อว่า “เกาะพระ” เมื่อเจ้าชายสายน้ำผึ้งกับพระนางสร้อยดอกหมากเสด็จมาถึงปากน้ำแม่เบี้ยท้ายเมืองเจ้าชารับ สั่งกับพระนางว่า

“น้องจ๋า เราเดินทางมาถึงบ้านเมืองของพี่แล้ว หากน้องจะเข้าวังในเวลานี้จะไม่สมเกียรติของราชธิดาของพระเจ้ากรุงจีน น้องจงคอยพี่อยู่ที่นี่ก่อน พี่จะเข้าไปในวังเพื่อจัดขบวนเกียรติยศมารับนะจ๊ะ”

“เพคะ น้องจะคอยเสด็จพี่อยู่ที่นี่” พระนางสร้อยดอกหมากรับปาก

เรือจำลองและเจ้าแม่สร้อยดอกหมาก
ศาลเจ้าแม่สร้อยดอกหมาก

เมื่อเจ้าชายสายน้ำผึ้งเสด็จกลับวังก็มีราชกิจมากมายเพราะจากบ้านเมืองไปนาน จึงไม่ได้ออกมา รับพระนางสร้อยดอกหมาก ด้วยพระองค์เอง มีแต่อำมาตย์และขบวนเกียรติยศมารับแทน พระนางจึงไม่ยอมเสด็จไปพร้อมกับขบวนและตรัสกับผู้มารับว่า

“เรากับเสด็จพี่เดินทางมากลางทะเลฝ่าคลื่นลมอันตรายมาด้วยกันเป็นเวลานานกว่าจะมาถึงที่นี่ แต่เมื่อมาถึงแล้วเสด็จพี่กลับเข้าวังและไม่กลับออกมารับเราอีก เราเสียใจมาก พวกท่านไปทูลเสด็จพี่ด้วยว่าถ้าไม่ออกมารับเราด้วยตัวเองแล้วเราจะไม่ไป” พระนางตรัสด้วยความน้อยพระทัย

เมื่อเจ้าชายสายน้ำผึ้งทรงทราบว่าพระนางสร้อยดอกหมากไม่ยอมเสด็จมาก็สัพยอกกลับไปว่า

“เมื่อมาถึงแล้ว จะอยู่ที่นั่นก็ตามใจเถิด”

พระนางสร้อยดอกหมากทรงทราบว่าเจ้าชายตรัสเช่นนั้นทำให้เสียพระทัยมากขึ้น วันรุ่งขึ้นเจ้าชายเสด็จมารับด้วยพระองค์เอง พระนางสร้อยดอกหมากจึงตัดพ้อต่อว่า

“เมื่อเสด็จพี่ไม่ยอมมารับน้องไม่รักน้องแล้วใช่ไหม เมื่อไม่รักแล้ววันนี้จะเสด็จมารับทำไม น้องไม่ไปเพคะ”

“พี่ขอโทษนะจ๊ะ เมื่อวานนี้มีราชกิจมากพี่จึงมารับน้องไม่ได้ วันนี้พี่ก็มารับน้องแล้ว เข้าไปในวังด้วยกันเถิดนะจ๊ะ” เจ้าชายพยายามง้องอน

“ไม่ไปเพคะน้องไม่ไป” พระนางยืนยัน

“เมื่อไม่ไปก็จงอยู่ที่นี่เถิด” เจ้าชายแกล้งหยอกเย้า

พระนางสร้อยดอกหมากเสียพระทัยมาก คิดว่าพระสวามีไม่รักพระนางแล้วจริงๆ ทำให้ตรัสเช่นนั้น พระนางจึงกลั้นใจตาย เจ้าชายสายน้ำผึ้งแก้ไขเหตุการณ์ไม่ทัน เพราะไม่คิดว่าจะเกิดขึ้น ทรงโศกเศร้าเสียใจมาก โปรดให้อัญเชิญพระศพมาพระราชทานเพลิงที่แหลมบางกะจะแล้วทรงสร้างวัดเพื่อเป็นอนุสรณ์ว่า “วัดพระนางเชิญ”

พระพุทธไตรรัตนนายก หรือหลวงพ่อโต (ที่วัดพนัญเชิญวรวิหาร จ.พระนครศรีอยุธยา) Phito credit: travel.kapook.com

จากตำนานเรื่อง “เจ้าชายสายน้ำผึ้งกับพระนางสร้อยดอกหมาก” จึงเป็นตำนานแห่งการสร้างวัด “วัดพระนางเชิญ” หรือ “วัดแพนงเชิง” หรือ “วัดพนัญเชิญ” ซึ่งปัจจุบันคือ “วัดพนัญเชิญวรวิหาร” ตั้งอยู่ที่ตำบลคลองสวนพลูริมแม่น้ำป่าสัก อำเภอพระนครศรีอยุธยา มีพระพุทธรูปที่สำคัญคือ “พระพุทธไตรรัตนนายก” หรือชาวไทยเรียกว่า “หลวงพ่อโต” ชาวจีนเรียกว่า “ซำปอกอ” เป็นที่เคารพนับถืออย่างมากทั้งชาวไทยและชาวจีน เป็นวัดสำคัญเก่าแก่แต่โบราณและเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่สำคัญแห่งหนึ่งของจังหวัดพระนครศรีอยุธยา เป็นวัดที่ได้รับความเคารพนับถือของชาวไทยและจีน ทุกปีจะมีงานฉลองตามประเพณีสืบทอดกันมาตั้งแต่โบราณจนถึงปัจจุบันนี้

………………………..

 

เรียบเรียงข้อมูล : nitanstory.com
Credit: writer.dek-d.com

Related posts

นิทานอีสป เรื่องกบกับวัว

Admin

นิทานพื้นบ้านภาคใต้ เรื่อง แม่จ๋าแม่แค่อ้อยเพียงลำเดียว

Admin

นิทานพื้นบ้านภาคเหนือ เรื่อง ไอ้เซี่ยงเมี่ยงค่ำพญา

Admin