นิทานพื้นบ้านภาคอีสาน เรื่อง จระเข้ไม่มีลิ้น เป็นนิทานเรื่องเล่าว่า…“ทำไมกระต่ายหางสั้น และจระเข้ถึงไม่มีลิ้น” มีเนื้อเรื่องที่เล่าสู่กันฟังเพื่อให้เกิดความสนุกสนาน เพลิดเพลิน และเนื้อเรื่องมีแง่คิดสอนใจที่ดีให้ทั้งกับเด็กและผู้ใหญ่ ที่สามารถเล่าเป็นนิทานก่อนนอนสำหรับคุณหนูๆได้เป็นอย่างดี
นิทานไทย นิทานพื้นบ้านภาคอีสานเรื่อง จระเข้ไม่มีลิ้น
มีเรื่องราวอยู่ว่า…เนื่องจากจระเข้กินสัตว์ใดๆ ก็เอร็ดอร่อยไปหมด ทำให้สัตว์ทั้งหลายเดือดร้อนกันไปทั่ว จระเข้ไม่มีลิ้น การกินอาหารก็จะไม่มีรส เมื่อไม่มีรสก็ไม่อยากกินอาการสักเท่าใด สัตว์อื่นๆ ก็จะตายน้อยลง พระพรหมรับคำร้องทุกข์แล้ว ก็หาวิธีการอยู่ แต่ยังไม่พบวิธีการที่ดี
วันหนึ่ง กระต่ายฝูงหนึ่งชวนกันมากินน้ำที่ริมฝั่งของแม่น้ำที่จระเข้อาศัยอยู่ พอเห็นเหยื่อ จระเข้ก็ว่ายน้ำไปเร็วรี่ พอได้จังหวะเหมาะๆ ก็เข้างับกระต่ายตัวหนึ่งในทันที เมื่อรู้ว่างับกระต่ายได้ จระเข้ดีใจมาก ที่จะได้กินเนื้อหวานๆ ที่แสนอร่อย จึงครางฮือๆ ออกมา
กระต่ายคิดหาอุบาย จึงแกล้งด่าจระเข้ว่า “โธ่เอ๊ย! ไอ้จระเข้โง่เง่า ครางฮือๆ อย่างนี้ไม่มีใครเขากลัวหรอก มันต้องครางฮ่าๆ ซิ ข้าถึงจะกลัว” จระเข้หลงกล จึงอ้าปากกว้างคราง “ฮ่าๆๆๆๆ”
ทันใดนั้น กระต่ายจึงรีบกระโดดแผล็วออกมาทันที มันได้ใช้ตีนถีบลิ้นจระเข้ด้วย จนลิ้นจระเข้ขาดกระเด็นไป ขณะเดียวกัน จระเข้ก็ได้ขย้ำจนถูกหางกระต่ายขาดไปเหมือนกัน ตั้งแต่นั้นมาจระเข้ก็ไม่มีลิ้น กระต่ายก็เลยหางด้วน
ฝ่ายพระพรหม เมื่อทราบว่ากระต่ายได้ตัดลิ้นจระเข้ขาดไปแล้ว จึงกล่าวสรรเสริญความดีของกระต่าย แล้วได้วาดรูปกระต่ายไว้บนพระจันทร์ เพื่อเป็นอนุสรณ์
ฉบับภาษาพื้นบ้านอีสาน เรื่อง จระเข้ไม่มีลิ้น
แต่ก่อนอี่แข่กะมีลิ้นคือสัตว์โตอื่นๆ แต่เนื่องจากว่าอี่แข่กินสัตว์ใดๆ กะแซบไปเหมิด เฮ็ดให้สัตว์โตอื่นเดือดร้อน มื้อหนึ่ง, บรรดาสัตว์ได้ไปฟ้องพระพรหมเพื่อให้หาวิธีตัดลิ้นอี่แข่ บัดยามกินอาหารสิบได้รสชาติของอาหาร อี่แข่สิได้กินอาหารน้อยลง พระพรหมรับคำร้องทุกข์แล้ว แต่หว่าหาวิธีการแก้บ่ได้
มื้อหนึ่ง กระต่ายฝูงหนึ่งชวนกันมากินน้ำอยู่ริมฝั่งของแม่น้ำที่อี่แข่อาศัยอยู่ พอเห็นกระต่ายอี่แข่กะหว่ายน้ำเข้าไปหากระต่าย พอได้จังหวะกะงับกระต่ายโตหนึ่ง พอฮู้ว่างับกระต่ายได้ อี่แข่กะดีใจหลาย จึงครางฮือๆ ออกมา
กระต่ายกะคิดอุบาย จึงแกล้งด่าอี่แข่ว่า “โธ่เอ๊ย! ไอ้แข่หน่าโง่ครางฮือๆ จั่งซี่ข่าบ่ย่านดอก ต้องครางฮ่าๆ ซิ ข้าจั่งสิย่าน” อี่แข่หลงกลกระต่าย อ้าปากกว้างคราง “ฮ่าๆๆๆๆ”
ทันใดนั้น กระต่ายฟ่าวกระโดดออกมาจากปากอี่แข่ ใช้ตีนถีบ ลิ้นอี่แข่ขาดกระเด็น ขณะเดียวกัน อี่แข่กะงับได้หางกระต่ายขาดไปคือกัน ตั้งแต่นั้นมาอี่แข่กะบ่มีลิ้น กระต่ายกะเลยหางด้วน
ฝ่ายพระพรหม พอฮู้ว่ากระต่ายได้ตัดลิ้นอี่แข่ขาดแล้ว ก็สรรเสริญความดีของกระต่าย ได้วาดรูปกระต่ายไว้ดวงจันทร์ เพื่อเป็นอนุสรณ์ เฮาจั่งเห็นพระจันทร์มีรูปกระต่ายอยู่จนทุกมื้อนี้
1. เมื่อตกอยู่ในภาวะคับขัน…ให้ตั้งสติไว้ให้มั่นแล้วใช้สติปัญญาหาทาง
แก้ปัญหานั้นด้วยความรอบคอบ ก็จะสามารถแก้ปัญหานั้นได้สำเร็จลุล่วงไป
ด้วยดี
2. ผู้มีสติปัญญา…ย่อมให้ความเฉลียวฉลาดแก้ปัญหาเฉพาะหน้าได้
ฉะนั้นเราจึงควรหาวิชาความรู้ใส่ตนไว้ตั้งแต่ต้น เพื่อจะได้เป็นคนมีสติปัญญา
3. ผู้โง่เขลาเบาปัญญา…ย่อมถูกผู้ฉลาดกว่าหลอกลวงได้ ดังคำกล่าวที่ว่า
“คนโง่ย่อมเป็นเหยื่อของคนฉลาด” นั่นเอง
Credit: https://fulltext.rmu.ac.th/fulltext/2553/96538/appendix.pdf