นิทานล้านนา เรื่อง ดนตรีธรรมชาติ
มีนายพรานผู้หนึ่งมีอาชีพเข้าป่าล่าสัตว์ เมื่องยิงสัตว์ได้ก็แล่เนื้อและย่างนำมาขายในเมืองส่วนเขาและหนังก็ขายให้ แก่ผู้ต้องการ วันหนึ่ง เขาออกจากบ้านพร้อมกับปีนคู่มือเดินลัดตรงเข้าป่ามุ่งตรงไปยังหนองน้ำข้างเขา เพราะบริเวณนี้สัตว์ป่ามักจะลงมากินน้ำและกินดินโป่งเสมอ ๆ
นายพรานคิดแต่ในใจว่า วันนี้ถ้าโชคดีคงจะยิงหมูได้ไม่น้อยกว่า 2 ตัว เพราะฤดูนี้หมูชอบลงมากินดินโป่ง ขณะที่นายพรานกำลังเดินทางไปผ่านป่าทะลุออกสู่แม่น้ำสองฟาก แม่น้ำมีต้นไม้ใหญ่ร่มครึ้ม เยือกเย็น มีนกนานาชนิดจับคู่ส่งเสียงจอแจ… นายพรานกวาดสายตาดูรอบๆ เพื่อมองหาสัตว์ป่าที่จะลงมากินน้ำ ทันใดนั้นก็เหลือบไปเห็นหมูป่าขนาดใหญ่กำลังเดินดุ่ม ๆ เสาะหาอาหารตามชายป่าละเมาะอีกอีกฟากหนึ่ง นายพรานก็ทรุดตัวลงนั่งโดยเร็ว เพื่อเตรียมพร้อมบรรจุลูกกระสุนและเลือกทำเลที่เหมาะคอยดักยิง… หมูป่าตัวนั้นคงเดินเสาะหาอาหารไปเรื่อยๆ จนกระทั่งมันไปพบรางไม้สำหรับใส่อาหารซึ่งชาวไร่ใส่อาหารดักลาสัตว์ป่าไว้ โดยไม่รีรอมันตรงเข้ากินอาหารในรางนั้นทันที เผอิญวันนี้เจ้าของไร่ไม่สบาย จึงไม่ได้ออกมานั่งห้างคอยดักยิงสัตว์ที่ตนวางอาหารล่อไว้
นายพรานขยับตังคลานเข้าไปเพื่อเลือกทำเลยิงที่เหมาะ จนกระทั่งอยู่ในระยะที่มองเห็นหมูตัวนั้นชัดเจนที่สุด เขาจึงยกปืนขึ้นประทับบ่าเล็งจะยิงให้ตรงหัวใจ ขณะที่เขากำลังเล็งอยู่นั้น ลมเย็นพัดมาเอื่อยๆ ยอดหญ้ายอดพงแกว่งไกวโอนเอนไปมา แสงแดดสว่างจ้าเข้าตาทำให้ตาเขาพร่าพราวมองเห็นหมูป่าไม่ชัดเจน เขาจึงหยุดไม่กล้ายิงไปเพราะเกรงว่าจะยิงพลาด
ขณะที่เขากำลังเล็งปืนอยู่นั้น หูของเขาได้ยินเสียงของนกหัวขวานกำลังจิกกินหนอนที่กอไผ่ ดัง” ป็ก ป็ก ปง ปงๆ” เป็นระยะๆ ประกอบกับเสียงระหัดน้ำที่หมุนตามแรงน้ำ น้ำในกระบอกไหลออกตกลงมากระทบรางไม้ที่รองรับดัง “ฉ่า ฉ่า ฉับ ฉ่า ฉ่า ฉับๆ” ผสมกับเสียงหมูกินอาหารในรางไม้ดัง “ตุ๊บ ตุ๊บ โมง โมง จ๊วบ จ๊วบๆ” หางของมันซึ่งมีดินเหนียวติดตรงปลายหางเห็นเป็นก้อนกลมแกว่งไปมาไล่ริ้นยง หางแกว่งถูกท้องของมันดัง “ปุ๋ง ปั๋ง ปุ๋ง ปั่ง ๆ” ผสมกับเสียงลมพัดกอไผ่เสียดสีกันดัง “เอี๊อดๆอี๊ดๆ อ๊อดๆ” เสียงแกนระหัดหมุนไปตามแรงน้ำดัง “อืด อิด ๆ” นกต้อยตีวิตบินไปมาร้องดัง “กระแต็แว๊ดๆๆ” เสียงต่างๆ เหล่านี้ดังผสมคลุกเคล้ากันฟังเหมือนเสียงดนตรีสวรรค์
นายพรานระงับใจไว้ไม่ได้จึงลดปืนลงมาพาดกับกิ่งไม้เงี่ยหูฟังเสียงเหล่านั้นอย่างตั้งใจ เสียงเหล่นั้นมันดัง “ป็ก ป็ก ปง ปงๆ ฉ่า ฉ่า ฉับๆ ตุ๊บ ตุ๊บ โมงๆ จ๊วบ จ๊วบๆ ปุ๋ง ปั่งๆ เอื๊อดๆ อื๊ดๆ แอ๊ดๆ อืด อือ อืดๆ กระแต้แว้ดๆ”… ‘’เออ เสียงเหล่านี้ช่างไพเราะแท้ๆ ‘’ นายพรานอดใจไว้ไม่ได้จึงลุกขึ้นรำไปตามจังหวะ
ดังคำพรรณนาไว้ดังนี้…” จ้องๆ มองๆ ยองๆ ย่อยแย่ง ไกวแกว่งอาวุธ ยุติการยิง เอนกายนั่งพิงต้นไม้ นั่งพิงฟังเสียงเสนาะไพเราะกระไร แกลุกขึ้นไอฮะแอ้มๆ แก้มยิ้มเป็นมัน กัดฟันกรอดๆ หมูคงไม่รอดจอดแน่ละมึง พรานทะลึ่งลุกกวางปืนไว้ พลางกางแขนออกฟ้อน หมูป่าตกใจโดดหายเข้าป่า พรานกล้าใจเสียอดได้หมูเอย”
ธรรมชาติก็มีอิทธิพลต่อจิตใจ… สามารถทำให้คนตึงเครียดได้หรือผ่อนคลายอารมณ์ก็ได้ เช่นเสียงดนตรี…ทำให้มีอารมณ์สนุกสนานจนลืมสิ่งที่ตึงเครียดไป
Credit: เว็บไซต์ล้านนาคดี http://lanna.mju.ac.th/ “ทุกภาพ ทุกตัวอักษร มอบเป็นวิทยาทานแด่ทุกท่าน”