นิทานลีซู เรื่อง เศรษฐีกับยาจก
กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว มีชายสองคนเป็นเพื่อนกัน ชายคนแรกมีชีวิตอยู่เพียงลำพังไม่มีครอบครัวหรือญาติพี่น้อง แต่เขามีทรัพย์สมบัติ มีฐานะร่ำรวย… แต่ชายคนที่สองมีครอบครัวแต่ฐานะยากจน
อยู่มาวันหนึ่งชายคนแรกบอกกับชายคนที่สองว่า “ถึงเจ้าจะมีภรรยามีลูกแล้ว แต่ข้าก็ไม่เคยนึกอิจฉาเจ้าเลยเพราะว่าเจ้ายากจน ข้าแม้จะอยู่เพียงลำพังแต่ฐานะร่ำรวยกว่าเจ้า” ชายคนที่สองกลับบอกว่า “แม้เจ้าจะมีฐานะร่ำรวย มีทรัพย์สินเงินทองมาก แต่ข้าก็ไม่นึกอิจฉาเจ้าเหมือนกัน เพราะข้ามีภรรยา มีลูก ข้ามีข้าวกิน มีลูกหลานคอยปรนนิบัติดูแลข้าอย่างใกล้ชิด… แต่เจ้าต้องอยู่โดดเดี่ยวและทำงานเองทุกอย่าง ไม่มีคนช่วย” ชายคนแรกก็แงอีกว่า “แต่บ้านข้ามีทุกอย่างที่บ้านเจ้าไม่มี”
ดังนั้นเมื่อต่างคนต่างก็เห็นว่าตัวเองมีชีวิตที่สุขสบายกว่า ชายคนที่สองจึงออกความเห็นว่าให้เปลี่ยนกันไปกินข้าวบ้านละเมื้อ โดยไปกินข้าวที่บ้านของคนแรกก่อน พอไปถึงบ้านของชายคนแรกพบว่าภายในบ้านมีทรัพย์สมบัติทุกอย่างครบถ้วน แต่เขาไม่มีคนช่วยงานบ้านเลย ต้องทำงานทำอาหารเองทุกอย่าง เขาจึงต้องเหนื่อยเพียงคนเดียว
ต่อมาวันรุ่งขึ้นก็เปลี่ยนไปกิน ข้าวที่บ้านของชายคนที่สองต่อ ชายคนแรกจึงพบว่าชายคนที่สองแทบจะไม่ได้ทำอะไรเลย เขาเพียงแต่นั่งอยู่เฉยๆพูดเคยกับเขาบ้าง พูดกับลูกหลานบ้างอย่างมีความสุข ลูกๆของเขาเป็นคนจัดการทุกอย่าง กวาดบ้าน เลี้ยงสัตว์ ทำอาหาร พอถึงเวลากินข้าว ลูกๆก็เข้ามาอุ้มชายคนที่สองและภรรยาไปกินข้าว พอกินได้สักช่วงชายคนที่สองก็บ่นว่าหนาว อยากไปกินข้าวข้างนอก ลูกๆจึงยกสำรับกับข้าวไปไว้หน้าบ้าน และอุ้มพ่อแม่ไปด้วยต่างคนต่างช่วยกัน โดยไม่เกี่ยงกันแต่พอกินได้สักพักก็บ่นว่าร้อนอีกลูกๆก็ช่วยกันเคลื่อนย้าย เข้าไปในบ้านอีก
… หลังจากกินข้าวเสร็จชายคนที่สองจึงถามชายคนแรกว่า”เจ้ารู้หรือยังว่าใครสุขสบายที่สุด เพราะข้าไม่ต้องทำอะไรเลย…มีคนช่วยเหลือข้าทุกอย่างไม่ว่าข้าจะเคลื่อนไหวไปทางใดข้าเปรียบเสมือน… กษัตริย์ที่มีบริวารให้รับใช้มากมาย… ในขณะที่เจ้ามีเงินทองแต่ไม่มีความสุขเลย เพราะเจ้าต้องเหนื่อยไม่มีบริวารให้รับใช้เหมือนข้า ข้าจึงไม่อิจฉาเจ้าเลย”
การอยู่เพียงลำพังไม่มีครอบครัวหรือญาติพี่น้อง… ทำให้ลำบาก เหนื่อยต้องทำเอง ถ้าไม่ทำก็ไม่มีกิน
แต่ถ้ามีครอบครัวดี…ก็เหมือนกษัตริย์ มีลูกหลานคอนดูแลอย่างใกล้ชิดแทบไม่ต้องทำอะไรเลย
Credit: มูลนิธิกระจกเงา โครงการพิพิธภัณฑ์ชาวเขาออนไลน์