ขุนทึง (ขุนเทือง) อักษรธรรม 4 ผูก วัดอาภาราม อ.กุดข้าวปุ้น จ.อุบลราชธานี
นิทานเรื่อง ขุนทึง (ขุนเทือง)
นครแห่งหนึ่งชื่อเชียงเงื้อมหรือเชียงใหญ่ มีกษัตริย์นามว่า”ขุนเทือง“และ”นางบุสดี“ปกครองบ้านเมือง
… ครั้งหนึ่งขุนเทืองต้องการจะออกเดินเที่ยวป่าจึงออกเดินทางจากเมืองไปในป่าประมาณ 2 เดือน จึงไปถึงแม่น้ำแห่งหนึ่งเป็นสวนของพญานาค แล้วพระองค์ได้พบลูกสาวพญานาคชื่อว่า”นางแอกใค้” เกิดรักใคร่กัน…ขุนเทืองจึงตามนางไปยังเมืองบาดาลและอยู่ที่นั้นถึง 2 ปีกว่า ขณะเดียวกันกับขุนเทืองไม่อยู่นี้ นางบุสดีได้หมอมอ (โหร) มาทายดูว่าขุนเทืองอยู่ที่ใด และได้รู้ว่าขุนเทืองอยู่ที่เมืองพญานาคกับลูกสาวพญานาค นางบุสดีจึงบนบานให้พวกผีต่างๆ เช่น ผีน้ำ, ผีเสื้อ, ผีตายาย (บรรพบุรุษ) ผีเมืองเป็นต้น ตามไปบอกให้ขุนเทืองกับมาเมือง
ขุนเทืองจึงได้ลานางแอกใค้และพญานาคเพื่อจะกลับ นางแอกใค้ได้มาส่งขุนเทืองถึงท่าน้ำ… ก่อนจะจากกันได้ล้วงเอาลูกในท้องแล้วเอาใบตองทึงห่อ… ให้ขุนเทืองตอนกลับเมืองเพื่อเอาไปเลี้ยง… เมื่อมาถึงเมืองแล้วนางบุสดีไม่พอใจพยายามหาเรื่องเพื่อจะทำอันตรายต่างๆ นานา ขุนเทืองเห็นว่าท่าไม่ดีจึงให้เสนาอำมาตย์เอาลูกชายชื่อขุนทึงไปปล่อยไว้ในป่า “ขุนทึง“อยู่ในป่าอย่างสุขสบายเพราะมีเทวดาและสัตว์ต่างๆมาดูแลรักษาเลี้ยงดู… ต่อมาประมาณ 1 ปี ขุนเทืองคิดถึงขุนทึงลูกชาย… จึงให้พวกอำมาตย์ออกไปสืบดูว่ายังมีชีวิตอยู่หรือเปล่า… เมื่อทราบว่ายังมีชีวิตอยู่จึงไปเชิญเข้ามาอยู่ในเมือง
ขุนทึงเมื่อโตเป็นหนุ่มขึ้นต้องการอยากจะพบแม่ที่แท้จริง จึงไปถามพ่อถึงที่อยู่ของแม่พอทราบว่าแม่นั้นเป็นนาคที่อยู่เมืองบาดาลจึงอำลาพ่อเพื่อที่จะไปเยี่ยมถามข่าวคราวแม่แล้วออกเดินทางไปตามที่พ่อบอก จนถึงท่าน้ำแล้วเอาไม้ตีน้ำเรียกพวกนาคให้มาหา พวกนาคถามดูรู้ว่าเป็นลูกของนางแอกใค้จึงพาขุนทึงไปเมืองบาดาลของงพญานาค… ขุนทึงได้พบแม่ ตา และยาย แล้วอยู่ที่นั้นเป็นเวลานานพอสมควร จึงได้ลาแม่เพื่อกลับเมืองเชียงเงี้ยมของพ่อ นางแอกใค้ได้แนะนำให้ลาปู่แล้วขอของวิเศษเพื่อเป็นเครื่องติดตัวในการเดินทาง
เมื่อขุนทึงไปลาตา ตาของขุนทึง ได้ให้ของวิเศษ 3 อย่าง มีหม้อทองแดง, ดาบ, ของ้าว และมาถามถึงวิธีใช้กับแม่ นางแอกใค้บอกวิธีใช้ว่า
– หม้อนั้นมีของทุกสิ่งทุกอย่างอยู่ภายใน ถ้าต้องการอะไรให้ตั้งจิต อธิษฐานแล้วเคาะเบาๆ ของที่ต้องการนั้นจะออกมา
– ดาบนั้นใช้ในการต่อสู้กับข้าศึกศัตรู
– ส่วนง้าวนั้นให้ลากไปอย่าแบกหรือถือไป ขณะที่ลากไปนั้นถ้าไม่เกี่ยวอะไรก็ให้เดินไปเรื่อยๆ ห้ามนอนแม้จะกี่วันก็ตาม แต่ถ้าของ้าวไปเกี่ยวกับอะไรแล้วจึงหยุดนอน
ขุนทึงเมื่อแม่มาส่งท่าน้ำแล้วก็เดินทางต่อไปโดยปฏิบัติตามคำของแม่ ใช้เวลาเดินทางหลายวันจนถึงแม่น้ำใหญ่แห่งหนึ่ง ของ้าวได้เกี่ยวหยุดอยู่ดึงอย่างไรก็ไม่ไปจึงหยุดนอน… ณ ที่นั้นพอเมื่อตื่นขึ้นที่นั้นกลายเป็นเมืองใหญ่ชื่อว่าศรีสัตตนาคนหุต… ดังนั้นขุนทึงจึงเคาะหม้อทองแดง แล้วมีหญิงสาวออกมา 2 คน ชื่อทึงและทอง จึงอภิเษกเป็นมเหสีทั้งสองคนแล้วขุนทึงก็ครองศรีสัตตนาคคนหุตต่อมาอย่างมีความสุข
ต่อมาครั้งหนึ่งขุนทึงได้ออกไปเที่ยวป่าคนเดียวเดินทางไปประมาณ 15 วัน ถึงป่าหิมพานต์…ได้พบ”นางชะนี“ที่อยู่ใกล้กับอาศรมพระฤๅษี… นางชะนีได้แปลงกายเป็นคนและใส่ยาเสน่ห์เพื่อให้ขุนทึงรัก ขุนทึงได้หลงเสน่ห์ของนางชะนีแล้วได้อยู่กับนางชะนีที่ถ้ำในป่าหิมพานต์นั้น ประมาณ ๓ ปี ได้ลูกชายหนึ่งคนชื่อ “อำคา หรือ อู่แก้ว”… ต่อมาขุนทึงได้ลานางชะนีกลับมาเมืองศรีสัตตนาคคนหุต พร้อมกับท้าวอำคาลูกชายและสัญญากับนางชะนีว่าจะมารับไปอยู่ในเมืองด้วย เมื่อขุนทึงกลับถึงเมืองเรียบร้อยแล้วจึงแต่งขบวนแห่มาเอานางชะนีไปอยู่ในเมือง… แต่พอขบวนเข้าไปถึงเมือง นางทึง นางทอง สองพี่น้องได้ปล่อยหมาให้ไล่นางชะนีแปลงเป็นคนมานั้น… นางชะนีได้วิ่งหนีออกจากเมืองกลับไปอยู่ป่าหิมพานต์ตามเดิม
อยู่มาไม่นานขุนทึงไม่สบาย… จึงให้ท้าวอำคาไปขอยากับนางชะนีผู้เป็นแม่มากินและบอกให้เอามามากๆ เพื่อที่จะแจกจ่ายชาวเมืองด้วย… แต่นางชะนีให้มานิดหนึ่ง เพราะนางโกรธที่นางทึงนางทองปล่อยหมาไล่นางออกจากเมืองแทบเอาชีวิตไม่รอด ขุนทึงได้กินยาแล้วก็หายเป็นปกติ… ต่อมาขุนทึงได้อภิเษกให้ท้าวอำคาขึ้นครองราชย์แทน และอยู่มาอีกนาน…ขุนทึงไม่สบายอีกจึงให้ท้าวอำคาไปขอยากับนางชะนีมากินอีก…แต่ท้าวอำคาไปครั้งนี้ไม่พบนางชะนีเพราะนางชะนีได้ตายไปแล้วจึงกลับมามือเปล่า ขุนทึงเมื่อไม่ได้ยากินก็ตายไปอีกคน… ส่วนท้าวอำคานั้นได้ครองเมืองต่อมา
…
Credit: baanmaha.com/community/threads/47489-วรรณกรรมอีสาน